สั่งจองทาง Line ติดต่อทางอีเมล

ตะกรุดมหากระดอนรุ่นแรก(พอกครั่ง) หลวงปู่ดำ วัดหนองแฝก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จำนวนสร้าง 399 ดอก มีโค๊ดรันเลขทุกดอก บูชาดอกละ 399 บาท

ทำไมผู้เขียนจึงกล่าวว่าวิชาตะกรุดมหากระดอนเป็นหนึ่งในสุดยอดวิชาตะกรุดของไทย? ( ปืน7กระบอก รุมยิงไม่ออก )
ก็ต้องบอกกันตรงๆเลยว่า จากการเดินทางรวบรวมตำราและร่ำเรียนวิชาตะกรุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตะกรุดโสฬสของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ตะกรุดไมยราพสะกดทัพของหลวงพ่อกุน วัดพระนอน ตะกรุดมหารูด(คู่ชีวิต)ของหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ตะกรุดมหาระงับของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราฯ ตะกรุดพอกครั่งของหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ตะกรุดสาลิกาดอกทองของหลวงพ่อสนั่น วัดเสาธงทอง ตะกรุดจันทร์เพ็ญของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ๋า ตะกรุดโลกธาตุของหลวงปู๋ยิ้ม วัดหนองบัว ฯลฯมาเกือบ 30 ปี ได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์ชาวบ้านที่ใช้ตะกรุดในสายต่างๆมาไม่น้อย ผู้เขียนกลับพบว่าตะกรุดที่ชาวบ้านมีประสบการณ์มากที่สุดคือ ตะกรุดบารมี 30 ทัศ ของหลวงพ่อโม วัดจันทนาราม ที่มีหลวงปู่สุวรรณสืบไว้ และตะกรุดมหากระดอนของหลวงปู่เกตุ วัดศรีเมือง ที่ถ่ายทอดสู่หลวงปู่ดำ กตนาโถ วัดหนองแฝก นั่นเอง
โดยเฉพาะตะกรุดมหากระดอนที่หลวงปู่เกตุ วัดศรีเมือง มอบให้พี่เอิบ มีเงิน บุตรบุญธรรมของหลวงปู๋ดำนั้นเกิดประสบการณ์น่าทึ่งเหลือเกิน เพราะหยุดลูกปืนได้ถึง7กระบอก เรื่องราวเป็นอย่างไร? ผมนำมาให้อ่านดังนี้แล้วครับ
 

ปืน ๗ กระบอกรุมยิงไม่ออก
ประสบการณ์ในตะกรุดมหากระดอนของหลวงปู่เกตุ วัดศรีเมืองนี้ เกิดขึ้นอย่างจังๆกับคุณเอิบ มีเงิน (ต่อไปผู้เขียนขอเรียกว่าพี่เอิบแล้วกัน ) อดีตเด็กกำพร้าซึ่งมาอยู่กับหลวงลุงที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะปราง ข้างตลาดใต้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กๆ ทำให้รู้จักสนิทสนมกับหลวงพ่อดำ (หลวงปู๋ดำ บุตรบุญธรรมของหลวงปู่เกตุ) ซึ่งเคยไปจำพรรษาอยู่ที่นั่น หลวงพ่อดำท่านเห็นพี่เอิบเป็นเด็กขยันจึงให้ความเมตตาเอ็นดู คอยช่วยเหลืออุปถัมภ์ค้ำจุนมาตลอดราวกับว่าพี่เอิบเป็นบุตรบุญธรรม เวลาไปไหนมาไหน ถ้าเป็นวันที่พี่เอิบไมได้เรียนหนังสือแล้ว เป็นอันว่าหลวงพ่อดำต้องเอาพี่เอิบติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ รวมถึงการเดินทางกลับไปกราบเยี่ยมเยียนหลวงปู่เกตุที่ วัดศรีเมือง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัยด้วย เมื่อหลวงปู่เกตุท่านเห็นพี่เอิบว่าเป็นเสมือนลูกบุญธรรมของหลวงพ่อดำซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของท่าน ก็เท่ากับว่าพี่เอิบเป็นหลานบุญธรรมของท่านด้วย ประกอบกับพี่เอิบเป็นเด็กขยัน ท่านจึงดูเหมือนจะเอ็นดูพี่เอิบเป็นพิเศษกว่าเด็กทั่วไป ในวันหนึ่งในขณะที่พี่เอิบติดตามหลวงพ่อดำไปกราบหลวงปู่เกตุ หลวงปู่เกตุเกิดนึกอย่างไรไม่ทราบ หรือว่าท่านอาจจะรู้ได้ด้วยอนาคตังสญาณที่ท่านมี ท่านจึงเรียกพี่เอิบเข้าไปหา พร้อมมอบตะกรุดมหากระดอนดอกครู (จะมีดอกเล็กมัดอยู่บนตะกรุดดอกใหญ่ แบบเดียวกับปลัดขิกตัวครูที่มีปลัดขิกตัวเล็กขี่อยู่บนปลัดขิกตัวใหญ่)ให้กับพี่เอิบ โดยขณะที่มอบให้แล้ว หลวงปู่เกตุท่านก็สั่งว่า “ เก็บไว้ให้ดีนะ อย่ามอบให้ใครหรือเอาไปทำหล่นหาย ” พี่เอิบก็ตกปากรับคำว่า “ ครับ “ จากนั้นเป็นต้นมาพี่เอิบก็เก็บรักษาเป็นอย่างดี จนกระทั่งเริ่มโตขึ้นเป็นวัยรุ่นและเรียนหนังสือจบชั้นม.๓ แล้ว ได้ไปสมัครทำงานเป็น จนได้เป็นคนงานในโรงสีข้าวแล้วก็ทำให้ชีวิตของพี่เอิบเริ่มเปลี่ยนไป จากเด็กชายเอิบที่อาศัยการเลี้ยงดูของหลวงลุงกลายเป็นนายเอิบหนุ่มวัยรุ่นที่หาเงินใช้ได้เอง เมื่อมีเงินใช้เองโดยไม่ต้องขอใครแล้ว จึงออกเที่ยวเตร่มั่วสุมจนกลายเป็นคนกว้างขวางและมีพรรคพวกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเป็นคนรูปร่างล่ำสันกล้ามใหญ่ และมีนิสัยเป็นนักเลงไม่กลัวใคร จึงหวุดหวิดจะมีเรื่องอยู่เสมอ ทำให้พี่เอิบเริ่มคิดได้ว่าน่าจะพกตะกรุดมหากระดอนที่หลวงปู่เกตุมอบให้มาไว้ป้องกันตัวบ้าง แต่ด้วยว่าพี่เอิบไม่ชอบใช้เชือกร้อยตะกรุดเอามาคาดเอวเพราะจะรู้สึกคัน แถมยังกลัวเชื่อกหลุดขาดตะกรุดจะหล่นหาย พี่เอิบจึงนำกางเกงทั้งหมดที่ใส่เป็นประจำ ไปให้ช่างเย็บกระเป๋าพิเศษซ่อนอยู่ด้านใน โดยลักษณะกระเป๋าหรือซองใส่ตะกรุดนี้ เป็นซองยาวไปตามแนวดิ่งของตะเข็บด้านข้างเอาไว้ใส่ตะกรุดมหากระดอนติดตัวอยู่ด้วยตลอดเวลา
และด้วยความที่พี่เอิบเป็นคนกล้ามใหญ่และรูปร่างหน้าตาดี จึงทำให้มีสาวๆมารุมชอบอยู่มาก โดยเรื่องที่มีสาวๆมาชอบนี่เอง จึงทำให้เพื่อนคนหนึ่งที่เป็นสายให้ทางการเกิดอิจฉาริษยาเนื่องจากไปชอบสาวคนเดียวกัน แต่สาวคนนั้นชอบแต่พี่เอิบ เพื่อนจึงต้องหาทางกำจัดพี่เอิบให้ออกไปจากเส้นทางรักของตนเสียด้วยการใส่ร้ายกับตำรวจว่าพี่เอิบเป็นหัวหน้าแก๊งโจรปล้นทองที่ทางการกำลังตามจับอยู่ ส่วนทางฝ่ายพี่เอิบนั้นก็ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าอยู่ๆตนเองกำลังกลายเป็นโจรที่ทางการกำลังต้องการตัวอยู่ ก็เที่ยวเตร่สังสรรค์ไปตามปกติ กระทั่งเย็นวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งสังสรรค์กะเพื่อนสนิทที่ชื่อหลิมอยู่ที่ริมถนนข้างตลาดใต้ เพื่อนหลิมได้เอาปืนไทยประดิษฐ์ที่เพิ่งไปซื้อมาออกมาอวดให้พี่เอิบดู พอพี่เอิบดูแล้วก็รู้สึกคึกคะนองอยากพกปืนดูบ้างไปตามประสาวัยรุ่น จึงขอยืมปืนกระบอกนี้จากเพื่อนมาเหน็บไว้ที่เอว แล้วก็นั่งสังสรรค์กันต่อไปโดยไม่รู้ว่าเคราะห์หามยามร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัว เพราะอยู่ๆก็มีผู้หมวดหนุ่มนอกเครื่องแบบกระโดดเข้ามาล็อกคอจากด้านหลัง ทำให้พี่เอิบตกใจสะบัดดิ้นและคว้าปืนจากเอวขึ้นมายิง แต่ปรากฏว่าสายสืบอีก ๕-๖ คนก็กระชากปืนขึ้นมาระดมยิงพี่เอิบ จนเสียงไกปืนสับท้ายปลอกกระสุนดัง แชะ ๆๆๆๆ ไปหมด ขณะเดียวกันสายสืบคนหนึ่งก็กระโดดเข้ามาชาร์จพยายามจะแย่งปืน ทำให้กระสุนลั่นออกไปถูกประตูเหล็กยืดที่ร้านฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นพี่เอิบพร้อมเพื่อนก็โดนสายสืบรุมกันเข้ามาล็อกและพยายามค้นตัว โดยระหว่างจับกุมนี้ทางสายสืบได้ถามพี่เอิบว่า “ มึงมีอะไรดีวะ ถึงยิงไม่ออก ” แต่พี่เอิบไม่ตอบ ส่วนพวกสายสืบก็ค้นไม่เจอตะกรุดมหากระดอน เพราะพี่เอิบได้ใส่ไว้ในกระเป๋าที่เย็บซ่อนเป็นพิเศษไว้ที่ตะเข็บกางเกงด้านใน เมื่อสายสืบชุดที่มาจับกุมได้นำตัวพี่เอิบและเพื่อนไปเข้าห้องขังแล้ว พี่เอิบยังเห็นสายสืบกลุ่มนี้เอาปืนออกมาปลดลูกกระสุนออกมาพิจารณากันใหญ่ ด้วยสงสัยว่าทำไมปืนและกระสุนมีข้อบกพร่องตรงไหนหรือไม่ถึงยิงไม่ออก แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ปืนขนาด ๑๑ มม. ๔ กระบอก และขนาด .๓๘ อีก ๓ กระบอกถึงยิงไม่ออกพร้อมๆกัน 
ต่อมาเมื่อตำรวจเรียกเจ้าทุกข์หรือผู้เสียหายหลายรายมาชี้ตัวแล้วปรากฏว่าทุกรายบอกว่าพี่เอิบไม่ใช่ผู้ร้าย ในที่สุดพี่เอิบจึงได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังจากที่ถูกขังไว้นานถึง ๓ เดือน พี่เอิบเล่าว่าหัวหน้าชุดที่เข้าจับกุมนั้นคือ...(ผู้เขียนไม่ขอเอ่ยนาม เนื่องจากยังไม่ได้ขออนุญาต อยากรู้ให้ไปถามพี่เอิบได้)... ต่อมาท่านเลื่อนยศเป็นผู้กำกับ (ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่) เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้เผยแพร่ออกไป จึงเป็นเหตุให้หลวงปู่ดำท่านต้องทำตะกรุดมหากระดอนพอกครั่งให้แก่ศิษย์ยุคปัจจุบันที่อยากได้ไว้บูชาอย่างพี่เอิบบ้าง

เบอร์โทรศัพท์ @pnt19 (กรุณาใส่
เบอร์มือถือ @pnt19 (กรุณาใส่
Email alisa@pnt19.com
Facebook พระเครื่องพาณิชธน๑๙
@pnt19 (กรุณาใส่ "@" ด้วย)