**ขณะนี้ ร้านเราเปิดให้บริการ เฉพาะออนไลน์ เท่านั้นนะคะ**

 

รบกวนลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ...

รบกวนพูดคุย กันในไลน์ เท่านั้นนะคะ

*หากลูกค้าต้องการติดต่อสั่งบูชา สั่งจอง สอบถามรายละเอียด*

ติดต่อได้ที่ Line iD : @pnt19 (กรุณาใส่ "@" ด้วย)  ช่องทาง line เท่านั้นนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

สั่งบูชาทาง Line สั่งบูชาทาง Line

ประวัติหลวงปู่คำ วัดหนองแก

หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต
  อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 


 คำนำ


  
            นับเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๓๖ ล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่คำ มีอายุหนึ่งร้อยปี โดยที่มีพรรษาแห่งการครองผ้ากาสาวพัสตร์เป็นพรรษาที่กว่า ๗๙

          พระครูประสิทธิวรการ (หลวงปู่คำ) เป็นพระอริยสงฆ์ซึ่งผ่านช่วงชีวิต มาเป็นเวลานานถึง ๕ แผ่นดิน ๕  รัชสมัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ท่านเป็น พระที่บริสุทธิ์เพียบพร้อมด้วยไตรสิกขา มีปฏิปทา ที่เคร่งครัดต่อศีลาจารวัตร อย่างสูงส่ง ท่านผ่านการบำเพ็ญเพียรและเจริญภาวนาจนกระทั่วบรรลุถึงฌานสมาบัติชั้นสูงในทางพุทธศาสนา    ศรัทธาที่ผู้คนมีต่อท่านเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วว่าท่านเป็นอริยะสงฆ์ที่ควรแก่การกราบไหว้บูชาเพื่อ เป็นที่พึ่งแห่งจิตใจให้กับพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย มีคนพูดกันว่าท่านตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยเจโตปริยญาณ ซึ่งมีน้อยนักที่จะมีพระรูปอื่น ๆ เป็นได้เช่นกัน

          จากอดีตสู่ปัจจุบันแห่งชีวิตของท่านมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างมากมาย เป็นเรื่องราวของพระอริยสงฆ์ ๕ แผ่นดินที่สมควรแก่การเก็บไว้เป็นสมบัติทางใจที่ควรค่าแก่การศึกษาและ ยังเป็นแนวทางแห่งธรรมที่มีคุณค่า สำหรับพุทธศาสนิกชนจักได้ยึดถือ ปฏิบัติตามเพื่อเป็นหนทางที่จะนำชีวิต ไปสู่ความสุขที่แท้จริงของชีวิต

 

พระครูวิริยาธิการี  
หลวงปู่นาค ปุญฺญนาโค  พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่คำ

 

          พุทธศักราช ๒๔๓๖ ปีมะเส็ง ตรงกับ ร.ศ.๑๑๒ (จ.ศ.๑๒๕๕) เป็นปีที่ ๒๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธเจ้าหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ บ้านตำบลหนองแก  อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบครัวของนายอิ่มและนางแจ้ง สุขศรีได้ให้กำเนิดเด็กชายคนหนึ่งขึ้นมาซึ่งมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณวรรณะต่าง ๆ ล้วนประกอบด้วยบุคลิกลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ บิดามารดาจึงนำเด็กชายผู้นั้นไปยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของหลวงปู่นาค วัดหัวหิน ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเป็นเลิศด้านวิปัสสนากรรมฐานและทรงคุณวิเศษอย่างสูงทางไสยเวทวิทยา เป็นที่เคารพนับถือของชาวหัวหินและพุทธศาสนิกชนทั่วไป 

            หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ได้ตั้งชื่อเด็กชายคนนั้นว่า “ทองคำ” เพื่อให้สอดคล้องกับนามของท่านคือ “นาค” แต่ผู้คนทั่วไปกลับพอใจที่เรียกเด็กชายทองคำว่า “คำ” เด็กชายคำได้รับการศึกษาขึ้นพื้นฐาน โดยเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมที่วัดหัวหินเช่นเดียวกับการศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดาทั้งหลายในยุคสมัยนั้น ทั้งนี้เพราะวัดเป็นแหล่งศึกษาวิชาการของคนไทยมาแต่โบราณ วัดทางพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่เกิดจนตาย เด็กชายคำ สุขศรี หัดอ่าน หัดเขียนหนังสือไทย หนังสือขอม จนแตกฉานโดยมีพระภิกษุสงฆ์สำนักวัดหัวหินเป็นครูถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ตามสมัยนิยม เด็กชายคำ สุขศรี ในวัยเด็กเป็นผู้มีสติปัญญาและไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศจึงเรียนรู้สรรพวิชาต่างได้อย่างรวดเร็วและมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ

 

 หลวงปู่คำ ถือไม้เท้าในอีกอิริยาบถหนึ่ง

 
          กระทั่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างล่ำสันใหญ่โตเหมือนคนโบราณทั่วไป พ.ศ.๒๔๕๙ อายุได้ ๒๓ ปี จึงก้าวสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยการอุปสมบท ณ พระอุโบสถ วัดหัวหิน เวลาประมาณบ่ายโมงตรงโดยมี พระครูวิริยาธิการี (หลวงปู่นาค) วัดหัวหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมโสภิต (หลวงพ่อเปี่ยม) วัดเกาะหลัก ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทาสมณศักดิ์ที่พระสุเมธีวรคุณ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ละม้าย อมรธมฺโม วัดหัวหินเป็นพระอนุสาวนาจารย์
          หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต ได้เล่าประวัติของท่านให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้รับฟังด้วยความทรงจำที่แม่ยำล้ำลึกพิสดาร ลำดับเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่กายสังขารของท่านมีอายุครบ ๑๐๐ ปีเต็ม โดยท่านได้เล่าว่าหลังจากที่อุปสมบทแล้วได้อยู่จำพรรษา ณ สำนักวัดหัวหิน ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่นาค ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อย่างใกล้ชิด ในฐานะที่ท่านได้สัทธิวิหาริกอันเตวาสิกของหลวงปู่นาค ดังนั้นท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ตามสมัยนิยมคือศึกษาด้านไสยเวทวิทยาควบคู่กับการฝึกสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต ได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัดพร้อมทั้งศึกษาพระธรรมวินัยต่าง ๆ ด้วยตัวของท่านเอง ไม่มีการสอบนักธรรมตรีโท เอก เหมือนปัจจุบัน
          หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต ศึกษาเล่าเรียนหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างตั้งใจจริงจนมีความรู้แตกฉานในพระปริยัติธรรมต่างๆ พร้อมทั้งปฏิบัติบำเพ็ญเพียรด้วยการเจริญพระกรรมฐานทุกรูปแบบตามที่หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ได้แนะนำสั่งสอนไว้จวบจนย่างเข้าพรรษาที่๓ ตรงกับ พ.ศ.๒๔๖๑ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลวงปู่คำ วัดหัวหิน ได้ส่งพระสงฆ์จำนวน ๑๑ รูปจากสำนักวัดหัวหินมาจำพรรษาที่วัดหนองแก ตำบลหนองแก ภายในเขตอำเภอหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีหลวงตาผลเป็นหัวหน้าคณะและรักษาการณ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองแก หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต จึงย้ายมาจำพรรษาที่วัดหนองแกอันเป็นถิ่นกำเนิดของท่านตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ในระยะนี้เองท่านได้บำเพ็ญเพียรด้านวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจังและเริ่มเดินธุดงค์ออกแสวงหาความวิเวกพร้อมทั้งถ่ายทอดวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์เรืองนามในยุคนั้นหลายรูป เป็นต้นว่า หลวงปู่นาค วัดหัวหิน หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก หลวงพ่อชื่น หลวงพ่อชม วัดสิงห์ หลวงพ่อโสก วัดปากคลอง หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม และหลวงพ่อปลอด วัดปากทะเลใน นอกจากนั้นยังได้ศึกษาค้นคว้าด้านไสยเวทวิทยาคม โหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณจากตำรับตำราของโยมปู่ ซึ่งตกทอดมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่าจนมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
          พระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นต่างก็เลิศล้วนอุดมด้วยตบะฌานสมาธิเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมเจนจบครบถ้วนในความขลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งด้านการลงอักขระเลขยันต์

          หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต วัดหนองแกท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ทรงคุณวุฒิและวัยวุฒิ เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงของชาวอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่ได้มีโอกาสกราบนมัสการขอบารมีจากหลวงปู่เป็นที่พึ่ง หลวงปู่คำ วัดหนองแก ได้สั่งสมบุญญาบารมีไว้อย่างมหาศาลตลอดระยะเวลา ๗๘ พรรษาที่ผ่านพ้น หลวงปู่เป็นแบบฉบับของนักปฏิบัติได้ออกธุดงค์แสวงหาความวิเวกบำเพ็ญสมณธรรมตามป่าดงดิบ ภูผาสูงลิบลิ่ว หรือในถ้ำลึกลับซับซ้อน ผจญภัยอันตรายที่แวดล้อมด้วยสัตว์ร้าย ภูติผีปีศาจ ไข้ป่าอันชุกชุมรวมทั้งความยากลำบากในการรุกขมูลไปตามถนนหนทางอันทุรกันดารล้วนแล้วหลายหลากมากพิษภัยรอยเท้าของหลวงปู่คำประทับทั่วภูมิภาคของเมืองไทย หลวงปู่คำท่านเล่าว่าบางครั้งเดินธุดงค์ไปเป็นคณะมีพระเป็นสหธรรมิก บางครั้งท่านก็เดินธุดงค์ไปตามลำพังรูปเดียวนับว่าท่านเป็นผู้มีความเด็ดเดี่ยวและศรัทธามั่นคงแน่วแน่ในวิถีทางแห่งพระพุทธธรรมหลวงปู่ไปจาริกแสวงธรรมไปถึงหลวงพระบางเวียงจันทน์ประเทศลาว ข้ามเขตเขาพระวิหารสู่ประเทศเขมร พม่า เลาะลัดเลียบลงภาคใต้ตามเทือกเขาตะนาวศรีสู่ชายแดนประเทศมาเลเซีย ซึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าได้เดินธุดงค์ผ่านมาแล้วทั้งเมืองลาว เมืองแขก เมืองเขมร เป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ประทับอยู่ในความทรงจำของหลวงปู่มิรู้ลืม ในยามว่างท่านจะเล่าให้ฟังด้วยความทรงจำที่แม่นยำล้ำลึกพิสดาร เป็นความทรงจำของพระอริยะสงฆ์ผู้กอปรด้วยบุญญาบารมีเจริญกายสังขารแนบแน่นอยู่กับธรรมมาถึงหนึ่งศตวรรษ เป็นพระอมตะเถระผู้มีพรรษาสูงสุดรูปหนึ่งของเมืองไทย 

          หลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต เป็นผู้ทรงคุณด้านวิปัสสนากรรมฐานอย่างสูง แม้แต่พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือหลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดหนองจอก ตำบลดอนยายหนู อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีพลังจิตมหัศจรรย์สามารถเพ่งกระแสจิตปลุกเสกวัตถุมงคลให้เคลื่อนไหวได้ยังออกปากยกย่องว่าหลวงปู่คำ วัดหนองแก ท่านเก่งและเชี่ยวชาญด้านกรรมฐานมาก หลวงปู่คำสุวณฺณโชโต ท่านมีฌานสมาบัติและวิทยาคมแก่กล้า สมณสารูปน่าเคารพเลื่อมใส ปฏิปทาเป็นเลิศท่านมีความเคร่งครัดในเรื่องของพระธรรมวินัยมากเป็นพิเศษ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทั่วไปจึงมีความเชื่อถือศรัทธาและเคารพหลวงปู่เป็นอย่างสูง โดยเฉพาะวาจาของท่านเป็นที่ประจักษ์แจ้งว่าศักดิ์สิทธิ์ประดุจดั่งพระร่วงเจ้าครั้งกรุงสุโขทัยกล่าวคำใดมักเป็นไปตามวาจานั้น ผู้ที่มีความเคารพเลื่อมใสหลวงปู่มักจะเดินทางไปกราบนมัสการเพื่อขอพรจากท่านอยู่เป็นนิจด้วยความเชื่อมั่นในความเข้มขลังพลังพลานุภาพ บุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ของหลวงปู่ โดยที่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนบรรลุฌานสมาบัติชั้นสูง จนเป็นที่ร่ำลือว่าท่านหยั่งรู้อดีต หยั่งรู้อนาคตด้วยอนาคตังสญาณ หยั่งรู้จิตใจมนุษย์ ท่านมีวาจาสิทธิ์ ตลอดชีวิตของท่านจึงไม่ได้ด่าว่าหรือสาปแช่งใครเพราะจะเป็นไปตามคำพูดของท่านเสมอ หลวงปู่จึงมีความเคร่งครัดสำรวมในการพูดกับพุทธศาสนิกชนทั้งที่ท่านเป็นผู้ทรงคุณด้านอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ แต่หลวงปู่กลับไม่โอ้อวด และมักจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบหากมีผู้ไปสนทนาเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์มหัศจรรย์ของท่าน ประสบการณ์จากความขลังและศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่คำ สุวณฺณโชโต เท่าที่มีหลักฐานยืนยันได้ขอบันทึกไว้เป็นเกียรติประวัติเพื่อเชิดชูบูชาคุณของหลวงปู่ดังประสบการณ์ต่อไปนี้