**ขณะนี้ ร้านเราเปิดให้บริการ เฉพาะออนไลน์ เท่านั้นนะคะ**
รบกวนลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ...
รบกวนพูดคุย กันในไลน์ เท่านั้นนะคะ
*หากลูกค้าต้องการติดต่อสั่งบูชา สั่งจอง สอบถามรายละเอียด*
ติดต่อได้ที่ Line iD : @pnt19 (กรุณาใส่ "@" ด้วย) ช่องทาง line เท่านั้นนะคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
วัดปทุมสราวาส (นาลาว)
วัดปทุมสราวาส หรือ วัดนาลาว ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ ของตลาดอําเภออู่ทอง เลขที่ 285 หมู่ 1 อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี วัดมีเนื้อที่ 27 ไร่ 3 งาน มีคลองน้ําไหลผ่านกลางที่วัด ชื่อ คลองหนองปิง ซึ่งไหลมาจากจรเข้สัมพันธ์ ไหลผ่านวัดนาลาว ไปตลาดอู่ทอง คลองยี่แส ทําให้วัดนาลาวมีเนื้อที่อยู่ 2 ฝั่งคลอง ฝั่งวัดมีเนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน อีกฝั่งหนึ่งเป็น เนื้อที่สร้างโรงเรียนปทุมสราวาส มีเนื้อที่ 18 ไร่ วัดนาลาวในอดีตแรกเริ่มเดิมทีชื่อ “วัดบางบ่อ” ในสมัย นั้นที่บริเวณวัด จะมีบ่อน้ําที่ชาวบ้านขุดไว้จํานวนมาก ต่อมาได้มีผู้คนภาคอีสาน มาทํานาจํานวนมาก ซึ่งบริเวณข้างวัดเป็นที่ท้องนาที่กว้างยาวไปตามถนน ก็ได้เรียกชื่อ “วัดนายาว” ต่อมาชาวภาคอีสานซึ่ง เป็นลาว ได้กลับบ้านไปก็เรียกวัดนาลาว จึงเป็นที่มาของวัดนาลาว เรียกกันมาเป็นเวลายาวนานหลาย สิบปี และได้มีการเพิ่มเติมชื่อวัดเป็น “วัดปทุมสราวาส” (นาลาว) ในปีพ.ศ.2545 เหตุที่เพิ่มเติมชื่อ เพราะว่าในวัดมีสระน้ํา 1 สระ ได้มีบัวหลวงเกิดขึ้นมาต้นหนึ่ง โดยที่ไม่มีใครนํามาปลุก บัวหลวงต้นนี้ ออกดอกในต้นเดียวถึง 3 ดอก ปกติโดยธรรมชาติบัวจะออกดอกก้านละดอกเดี่ยวเท่าน้ัน บัวต้นนี้ ออกดอกก้านเดียว 3 ดอก และดอกใหญ่มาก จนเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้าน และถือเป็นปฏิหาริย์ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคล ของชาวบ้านนาลาวเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ประชุมปรึกษาหารือกัน เห็นควรเพิ่มเติมชื่อ “วัดนาลาว” เป็น “วัดปทุมสราวาส (นาลาว) ตั้งแต่นั้นมา
วัดปทุมสราวาส (นาลาว) สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2395 มีอายุไม่น้อยกว่า 162 ปีมาแล้ว โดยแรกเริ่ม หลวงพ่อมิ่ง เจ้าอาวาสรูปที่ 1 เป็นผู้ก่อสร้างวัด วัดปทุมสราวาส (วัดนาลาว) ได้มีเจ้าอาวาสสืบทอดมา ตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบันจํานวน 9 รูปด้วยกัน คือ
1.หลวงพ่อมิ่ง
2.หลวงพ่อไซร
3.พระใบฎีกาต่วน
4.พระอธิการปุย อินฺทโชโต
5.พระอธิการฝุน
6.พระอธิการหน่วง อตฺตปาโล
7.พระอธิการชั้น สุภาจาโร
8.พระอธิการเทียม วิจนฺจโร
9.พระครูธวัชวุฒิคุณ (หลวงพ่อเง วรจนฺโท) เจ้าอาวาสรูปที่ 9 ตั้งแต่พ.ศ.2530 – ปัจจุบัน
เจ้าอาวาสรูปที่ 1 ตั้งแต่พ.ศ. 2395-2415 เจ้าอาวาสรูปที่ 2 ตั้งแต่พ.ศ. 2416-2442 เจ้าอาวาสรูปที่ 3 ตั้งแต่พ.ศ. 2443-2467 เจ้าอาวาสรูปที่ 4 ตั้งแต่พ.ศ. 2468-2474 เจ้าอาวาสรูปที่ 5 ตั้งแต่พ.ศ. 2475-2481 เจ้าอาวาสรูปที่ 6 ตั้งแต่พ.ศ. 2482-2495 เจ้าอาวาสรูปที่ 7 ตั้งแต่พ.ศ. 2496-2501 เจ้าอาวาสรูปที่ 8 ตั้งแต่พ.ศ.2502-2529
ประวัติโดยย่อ
พระครูธวัชวุฒิคุณ (หลวงพ่อเง วรจนฺโท)
พ.ศ.2557 อายุ ๘๔ ปี พรรษาที่ ๖๔ เจ้าอาวาสวัดปทุมสราวาส (นาลาว) ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
ชาติภูมิ หลวงพ่อเงวรจนฺโทมีนามเดิมชื่อ"เง"นามสกุล"แผนสมบูรณ์" ถือกําเนิดบ้าน เลขที่ 90 ม.1 บ้านนาลาว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2473 ตรงกับขึ้น 9 ค่ําเดือน 4 ปีมะเมีย เป็นบุตรคนที่ 4 ในจํานวนพี่น้อง 9 คนด้วยกันคือ คือ 1. นายปาน 2. นางหลิง 3. พระอ่อน 4. หลวงพ่อ เง 5. นายเฉลียว 6. นายมอน 7. นายบุญส่ง 8. นายเฉลิม 9. นางพยอม ของโยมพ่อหนวน โยมแม่เบา ณ บ้านนาลาว ต.อู่ทอง อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี จบการศึกษาชั้นป.4 ที่โรงเรียนวัดปทุมสราวาส (นาลาว) อาชีพทํานา
อุปสมบท เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบท ณ พัธสีมา วัดปทุมสราวาส (วัดนาลาว) เมื่อ วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2493 โดยมีพระครูวิณญานุโยค (หลวงพ่อสมบูรณ์ เขมาภิรโต) วัดยางยี่แส เจ้า คณะอําเภออู่ทองเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เปลื่อง วัดยางยี่แส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระ อธิการหน่วง อตฺตปาโล วัดนาลาว เป็นพระอนุสาวณาจารย์ อุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า “วรจนฺโท” อุปสมบทแล้วได้จําพรรษาอยู่วัดนาลาว 5 พรรษา
ได้ศึกษานักธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก ได้เดินทางไปมหาสู่พระอุปัชฌาย์อยู่เสมอ ได้ศึกษาเล่าเรียน สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน จากหลวงพ่อสมบูรณ์ เป็นพื้นฐานเบื้องต้น หลวงพ่อเง ได้ไป รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองหวาย อ.ลาวขวัญ จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 2 พรรษา ไปรักษาการเจ้าอาวาส วัดน้ําโจร อ.ลาวขวัญอีก 3 พรรษา ได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดท่าพยาจักร (ช่องลม) อ.อู่ทอง 10 พรรษา พระอธิการเทียม วิรญฺจโล (หลวงพ่อเบิด) เจ้าอาวาสวัดนาลาว ได้มรณะภาพลง ชาวบ้านนาลาว ได้นิมนต์หลวงพ่อเง วรจนฺโท มาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดนาลาว และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนาลาวใน มีพ.ศ.2530 สืบต่อมาถึงปัจจุบัน
เรียนไสยเวทย์พุทธาคม หลวงพ่อเง วรจนฺโท เป็นศิษย์ผู้สืบสายวิชา หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี จากหลวงพ่อสมบูรณ์ เขมาภิรโต วัดยางยี่แส และหลวงพ่อโบ้ย วัด มะนาว เรียนวิชาจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ เรียนคาถาอาคมจาก พระครูอโสกสันติคุณ (หลวงพ่อสงัด) วัดดอนหอคอย หลวงพ่อจีน วัดบ้านสามหลัง จ.กาญจนบุรี แลกเปลี่ยนวิชากับพระอาจารย์ดํา วัดเขา พระ และได้เรียนวิชาสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากหมอสุวรรณ จันหอม หมอ ไสยศาสตร์ชื่อดัง ที่ได้เรียนและรับการถ่ายทอดวิชามาจาก หลวงพ่อพุ่ม วัดเกาะสมุย หลวงพ่ออี หลวง พ่อหรั่ง หลวงพ่อมี และ หลวงพ่อพริ้ง เป็นต้น ในเบื้องต้นพรรษาที่ 3 ได้เดินทางไปยังวัดยางยี่แส ซึ่ง เป็นวัดที่พระอุปัชฌาย์ได้จําพรรษาอยู่ ได้ไปกราบนมัสการ หลวงพ่อสมบูรณ์ เขมาภิรโต ขอศึกษาเล่า เรียนสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน และวิชาไสยเวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ หลวงพ่อสมบูรณ์ได้รับ สอนและถ่ายทอดวิชาให้ หลวงพ่อเง วรจนฺโท จะเดินทางไปพํานักอยู่วัดบางยี่แสง ครั้งละ 2 วันบ้าง 3 วันบ้างอยู่เป็นเวลา 2 ปี หลวงพ่อสมบูรณ์เมตตาโปรดปราน หลวงพ่อเง มาก ได้ครอบครู และ ถ่ายทอด
ไสยเวทย์มนต์คาถาให้จนจบสิ้น ได้สักยันต์กระทู้เจ็ดแบกให้ไว้ ที่กลางศรีษะ หลวงพ่อเง ต่อจากนั้นหลวงพ่อเง ได้เดินทางไปกราบนมัสการขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อโบ้ยได้สอนวิชา มหาอุตและอยู่ยงคงกระพันชาตรีให้ หลวงพ่อโบ้ ย ให้ทํากรรมฐานก่อน ได้เห็นยันต์ที่สักอยู่ที่กลางศรีษะของหลวงพ่อง วรจนฺโทจึงทราบว่าเป็นรายสัก ยันต์ของสายอาจารย์เดียวกัน ศิษย์สายหลวงพ่อเนียมด้วยกัน หลวงพ่อโบ้ย จึงบอกกล่าวกับหลวงพ่อเง ว่าใช้ได้แล้ว ให้หมั่นทบทวนฝึกจิต ทําสมาธิ และเจริญภาวนา จะได้ผลสมบูรณ์ เมื่อเรียนวิชาหลวงพ่อ โบ้ยแล้ว ได้ไปกราบนมัสการฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อมุ่ย พุทฺธรักฺขิโต หรือ (พระครูสุวรรณวุฒาจารย)์ วัดดอนไร่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ได้ขอเรียนวิชาไสยเวทย์พุทธาคม ได้รับการถ่ายทอดวิชาปลุกเสก วัตถุมงคล ปลุกธาตุ หนุนธาตุ การทําจิตให้เกิดเป็นพลัง ให้เกิดพลังอํานาจพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่อเง วรจนฺโท ท่านชอบเรียนวิชาไสยเวทย์เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อทราบว่าที่ไหนมีอาจารย์ เชี่ยวชาญในไสยเวทย์ หลวงพ่อก็จะไปขอเรียน ได้มีหมอไสยศาสตร์ชื่อดังที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยเวทย์ มากด้วยวิชา ชื่อ “หมอ สุวรรณ จันหอม” เก่งเรื่องอักขระเลขยันต์ อาบน้ํามนต์ ขับคุณไสย เสกหุ่น พยนต์ ทําน้ํามนต์จินดา ได้สอนวิชาหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าให้หลวงพ่อเง เช่นคาถาอาวุธทั้ง 9 และ อาวุธทั้ง 22 ประการ สู้กับผีปลวกผีป่า เรียนอักขระขอม สักยันต์อยู่ยงคงกระพันชาตรี ตามข้อต่าง ๆ จํานวน 19 จุด เมื่อหลวงพ่อเง วรจนฺโท ได้เล่าเรียนและช่ําชองไสยเวทย์แล้ว ก็ได้ทําการสักอักขระขอม ชื่อของครูบาอาจารย์ของท่าน สักไว้ที่แขนซ้ายและแขนขวา แขนซ้ายจํานวน 5 ท่าน และ แขนขวา จํานวน 6 ท่าน รวมมีอาจารย์ผู้ได้ประสาทวิชาให้หลวงพ่อเง ถึง 11 อาจารย์ หลวงพ่อเง เป็นที่ศรัทธา เลื่อมใสของชาวบ้าน อ.อู่ทองมาก ได้นิมนต์ให้หลวงพ่อเง ไปเป็นรักษาการเจ้าอาวาส วัดท่าพยาจักร (ช่องลม)ในปีพ.ศ.2503 หลวงพ่อเง ได้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านเป็นอย่างดี เช่นดูฤกษ์ยาม ปลูกบ้าน งาน มงคล โกนผมไฟ อาบน้ํามนต์สืบชะตา ขับคุณไสย เจิมรถ เจิมบ้าน เจิมร้านค้า ในช่วงนั้นหลวงพ่อเง ดัง มาก พระครูอโศกสันติคุณ (หลวงพ่อสงัด) เจ้าคณะอําเภออู่ทอง เจ้าอาวาสวัดดอนหอคอย ยังได้เดินทาง มาพักที่วัดช่องลมหลายครั้ง หลวงพ่อสงัด ท่านอาวุธโสกว่าหลวงพ่อเงมาก หลวงพ่อเงจะถวายทําการ บีบนวดร่างกายให้ท่านพระครูอโศกสันคุณ (หลวงพ่อสงัด) อยู่เสมอ และได้มีการถ่ายถามวิชาไสยเวทย์ ต่อกัน หลวงพ่อสงัด วัดดอนหอคอย ได้ทําการสอนวิชาเสกเหรียญให้อยู่ยง มหาอุต แก่หลวงพ่อเง เรื่อง เสกเหรียญหลวงพ่อสงัด เหรียญของท่านต้องยิงไม่ออกถึงให้ไปบูชา ถ้ายิงออกจะไม่ให้ไปเด็ดขาด เมื่อ หลวงพ่อเงมีชื่อโด่งดังเรื่องไสยเวทย์ จึงเป็นที่ทําให้พระคณาจารย์ที่เก่งและช่ําชองเรืองเวทย์ต้องการมา รู้จัก ได้มีพระภิกษุเรืองเวทย์รูปหนึ่ง ชื่อ “หลวงพ่อดํา” ได้เดินทางมาจากภาคใต้ มาพํานักอยู่วัดช่องลม กับหลวงพ่อเง อยู่ 2 พรรษา ได้แลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทย์กับหลวงพ่อเง หลวงพ่อดํารูปนี้ท่านสําเร็จ กสิณไฟ มีพลังจิตแก่งกล้ามาก สามารถเสกน้ําเดือดได้ เสกกรวดหิน ดินทราย ปืนยิงไม่ออกแน่นอนทุก รายการ ร่างกายของหลวงพ่อดํา เหมือนมีพลังไฟฟ้า ใครจับต้องถูกจะเกิดตัวสั่น เหมือนโดนไฟฟ้าช๊อต ทําให้ผู้รู้ไม่มีใครกล้า ถูกตัวหลวงพ่อดํา หลวงพ่อเง จะขอจับดูแต่หลวงพ่อดํากลับไม่กล้าให้หลวงพ่อเง จับ เพราะหลวงพ่อเง มีวิชาคาถาอาวุธทั้ง 9 และ 22 ประการ หลวงพ่อดํา ต่อมาได้ไปพํานักอยู่วัดเขา พระ อําเภออู่ทอง ในครั้งหลวงพ่อเง ได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดท่าพยาจักร (ช่องลม)ได้ทําการสัก ยันต์ เรื่องอยู่ยงคงกระพันชาตรี และมหาอุต ดังมาก มีผู้คนเดินทางมาขอสักจํานวนมากมาย จากจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม พิษณุโลก สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และอีกหลาย ๆ จังหวัด มีศิษย์ยานุศิษย์ ที่สักยันต์จํานวนหนึ่งในบางคนที่เหิมเกริม และประพฤติตัวเป็นโจร เป็นนักเลง ทางการได้มาขอร้อง นิมนต์ขอให้หลวงพ่อเง หยุดทําการสักยันต์ หลวงพ่อเง จึงได้หยุดสักยันต์ต่างๆ ตั้งแต่นั้นมา หลังจาก หยุดทําการสักยันต์ หลวงพ่อเง วรจนฺโท ได้บําเพ็ญเจริญภาวนาเป็นเนืองนิด และได้สร้างวัตถุมงคล เป็นพระผงต่าง ๆ หลายสิบอย่าง แจกให้ทหารไปรบในสมรภูมิ รบเกาหลี ทหารได้รอดกลับมาทุกนาย หลวงพ่อเง วรจนฺโท มีไสยเวทย์เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป้นที่กล่าวขานเรื่องลือไปทั่ว มีอยู่วันหนึ่งในสมัยที่ วัดท่าพยาจักร (วัดช่องลม) นายถิน ปิ่นประจัน ชาวบ้านอยู่หลังวัดท่าพยาจักร นายถิน นําเอาวัวมาเลี้ยง ข้างวัด ได้ไล่วัว วิ่งเข้ามาในเขตวัดได้ถูกไอ้เขียว สุนัขที่หลวงพ่อเง เลี้ยงไว้กัด ลูกวัวถูกกัดที่คอหลาย แผลตายคาที่ นายถิน ปิ่นประจัน มาร้องกับหลวงพ่อเง ว่าสุนัขหลวงพ่อ จะเลี้ยงไม่เลี้ยง ถ้าเลี้ยงทําไมไม่ ขังไว้ กัดวัวผมตาย จะไปเอาปืนมายิงให้ตาย ว่าแล้วนายถิน ก็กลับไปบ้านจะไปเอาปืนแก๊ปมายิง หลวง พ่อเงเห็นว่าตาถินจะมายิงไอ้เขียวแน่ แล้วหลวงพ่อเงวรจนฺโทก็เดินรอบตัวไอ้เขียววน3รอบแล้ว ปล่อยให้นายถิน ยิงตามต้องการ นายถิน ปิ่นประจัน เอาปืนแก๊ปมาซุ่มยิงไอ้เขียว ได้เนี่ยวไกยิงไอ้เขียว ปรากฎว่าปืนนายถิน แตกใส่มือนายถิน ทันทีได้รับบาดเจ็บที่มือต้องรักษาหลายวันจึงจะหายเป็นปกติ ผ่านไป 1 อาทิตย์ นายถิน ปิ่นประจัน ก็ได้ไปยืมปืนลูกซองยาวของ นายทิพ มวลพลู มาซุ่มยิงไอ้เขียวอีก คราวนี้ ปืนได้แตกที่ปลายลําปล้อง 2 นิ้ว นายถิน ปิ่นประจัน ตกใจร้องลั่น ว่าไม่เอาแล้วโว้ย พร้อมกับวิ่ง กระเจิงด้วยความแตกตื่น ชาวบ้านได้เห็นเหตุการณ์ก็พูดสวนใส่ไปว่า “เอาแล้วซิไอ้ถิน มึงไปยิงหมาของ หลวงพ่อเง ใช้มั้ย ปืนไม่แตกใส่หน้าตายก็บุญแล้ว”
ธุดงควัตร ในปีพ.ศ.2510 หลวงพ่อเง วรจนฺโท ได้ออกธุดงควัตร ได้ไปวัดยางยี่แส กราบมนัส การ พระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสมบูรณ์ เขมาภิรโต ขอไปลูกมูลออกธุดง หลวงพ่อสมบูรณ์ เป็นประธาน ลูกมูลขึ้นลูกมูลให้ได้มอบกลดให้ หลวงพ่อเงวรจนฺโทโดยจุดเริ่มต้นจากวัดท่าพยาจักร(วัดช่องลม) เดินสู่ อ.ลาวขวัญ สู่อําเภอบ่อพลอย เข้าสู่อําเภอศรีสวัสดิ์ได้ปักกลด ข้างวัดบ้านสามหลัง ได้เข้า นมัสการหลวงพ่อจีน เป็นคณาจารย์เรืองเวทย์พุทธคมรูปหนึ่ง หลวงพ่อจีน เป็นชาวกะเหรี่ยง มีชื่อเสียง มาก หลวงพ่อเง ได้รับการแนะนําและสอนพระคาถาไสยศาสตร์ป้องกันคุณไสย ป้องกันสัตว์ร้าย สอน วิชาเสกกําแพงมนต์ ป้องกันสารพัดสิ่งชั่วร้ายและได้เดินธุดงลัดเลาะไปตามสถานที่ต่าง ๆ เช่นทับศิลา เมืองเก่า ถ้ำเบญจนคร หุบเขาผาแดง ถ้ำเสือดาว ถ้ำกระแช ถ้ำละว้า ไปถึงด่านเจดีย์สามองค์ ติดแดน พม่า แล้วก็กลับสู่วัดท่าพยาจักร(วัดช่องลม) ทําหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส ต่อมาในปีพ.ศ.2515 ชาว บ้านนาลาว ได้มานิมนต์หลวงพ่อเง วรจนฺโท ให้มาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดนาลาว เนื่องจากหลวงพ่อ เบิด เจ้าอาวาสวัดนาลาว ได้มรณะภาพลง หลวงพ่อเง ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดนาลาวจนถึงปีพ.ศ.2530 จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดนาลาวสืบต่อมาถึงทุกวันนี้ และได้เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้าน ยิ่ง ขึ้นมากกว่าในสมัยที่เป็นรักษาการวัดช่องลม กิจนิมนต์เต็มกระดานดํา มีผู้คนมากราบนมัสการ ให้ดู ฤกษ์ยาม ปลูกบ้าน ยกเสาร์เอก ดูฤกษ์งานมงคล อาบน้ํามนต์สืบชะตา เสริมดวง เจิมรถ เจิมบ้าน ร้านค้า เปิดป้าย และขอบูชาวัตถุมงคลตลอดทุกวันไม่ขาดสาย
อภินิหารวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคลหลวงพ่อเง มีประสบการณ์ ศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น และเป็นที่ ทราบว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อเง วรจนฺโท จะเน้นหนักในด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุต และได้ ออกมาหลายรุ่นหลายรูปแบบพอควร ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุมงคลที่ศิษย์สร้างออกให้วัดอื่น ไปหารายได้ ส่วนวัตถุมงคลที่วัดสร้างออกในนามวัดนาลาว หรือวัดปทุมสราวาส เพื่อหารายได้พัฒนาวัดปทุมสรา วาส (นาลาว)นั้นมีการเริ่มสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ.2541 และ 2542 เป็นต้นมา เหรียญสร้างรุ่นเก่าบางอย่างมี มาก ปัจจุบันยังคงมีเหลืออยู่ เนื่องจากไม่ค่อยนําออกให้บูชา เมื่อวัดยังต้องการปัจจัยในการพัฒนาและ บูรณะซ่อมแซมวัดนาลาวเอง หลวงพ่อเง วรจนฺโท จึงได้ทําการสร้างวัตถุมงคลขึ้นใหม่อีกบางอย่างรวม ทั้งวัตถุมงคลรุ่นเก่าที่ยังคงเหลืออยู่ปลุกเสกเพิ่มเติม และนําเอาวัตถุมงคลออกตั้งตู้ให้บูชาเป็นทางการ เป็นครั้งแรก
**ประสบการณ์ตะกรุด ช่วยชีวิต นายโภคิน นิลคง ซึ่งเป็นศิษย์ที่ศรัทธาหลวงพ่อเงมาก ไปหา หลวงพ่อเง เป็นประจําแทบทุกอาทิตย์ ได้ขอให้หลวงพ่อเง ทําตะกรุดคาดเอวให้ นายโภคิน เป็นพ่อค้า วัว จะขับรถไปธุระประจํา อยู่มาวันนึงขับรถวิ่งบนถนนเป็นทางคู่ขนานกับคลองชลประทาน พอถึง ทางแยกได้มีคนร้ายซุ่มอยู่ในป่าละเมาะข้างทาง ได้สาดกระสุนยิงเข้าใส่รถ นายโภคิน หลายนัด แล้วได้ วิ่งออกมา เป็นคนร้าย 2 คนถือปืนเข้ามาจี้ นายโภคิน แล้วบังคับให้นายโภคิน ออกจากรถ ส่วนครนอีกค รนด้ค้นเอาเงินสดไป 30,000 บาท แล้วใช้ด้านปืนตีเข้าที่ขมับนายโภคิน จนตัวนายโภคินตกลงไปใน คลองชลประทานข้างทาง แล้วคนร้ายก็ขี่รถหนีไป ต่อมาได้มีผู้พบเห็นมาช่วยเอานายโภคิน ขึ้นมาจาก คลอง พบว่านายโภคิน ไม่มีบาดแผลแตก มีเพียงบวมเท่านั้น และรถถูกยิงยางแตก 2 เส้น นายโภคิน พบ ตะกรุดหลวงพ่อเง คาดอยู่ที่เอวดอกเดียวเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่ทราบของชาวบ้านตําบลอู่ทองกัน ทั่ว ตะกรุดหลวงพ่อเง เคยมีประสบการณ์ คนขับรถเกิดอุบัติเหตุรถชนกันประสานงาน พับยับ จนรถ ใช้การไม่ได้ ส่วนคนขับตัวกระเด็นออกจากรถไป โดยไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด รอดตายอย่าง อภินิหาร
** อภินิหาร เหรียญรูปไข่ปี2541 นายง้วน แซ่ตั้ง บ้านอยู่ตลาดเก่า 100 ปี ได้ถูกโจรทําร้าย ชิงทรัพย์ เอาสร้อยคอทองคําหนัก 10 บาทไป เหตุเกิดที่บ้าน นายง้วน แซ่ตั้ง เลขที่ 344 ตลาดเก่า 100 ปี อู่ทอง นายง้วน แซ่ตั้ง เดินทางไปพบคนจีนที่มาจากแผ่นดินใหญ่ อ้างตัวว่าตนแซ่เดียวกันจะขออาศัยที่ บ้านชั่วคราว นายง้วน หลงเชื่อได้ยอมรับให้ชายจีนคนนี้ที่มาจากเมืองนอกให้อาศัยพักที่บ้านชั่วคราว ที่ โกดังเก็บสินค้า นายง้วน ได้ใส่สร้อยคอพร้อมเหรียญหลวงพ่อเง ปี 41 อยู่ประจํา อยู่มาวันหนึ่ง ชายจีนผู้ นั้นได้ขอให้นายง้วน ช่วยซื้อสุราให้ 1 ขวด เขาอยากจะดื่ม นายง้วนก็ซื้อมาให้และนายง้วนก็เดินไปดู สินค้า ชายจีนได้ซุ่มหลบอยู่หาโอกาสให้นายง้วนเผลอ จึงใช้ขวดสุราตีเข้าที่กลางศรีษะ นายง้วนล้มลง ชายจีนผู้นั้นได้เห็น ท่อแป๊บน้ําอยู่ ข้าง ๆ จึงหยิบมาตีใส่นายง้วน จนสลบแน่นิ่งไป หลังจาก นายง้วน ฟื้นขึ้นมาแล้ว ปรากฎว่าสร้อยคอทองคําได้หายไปแล้ว แต่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือบาดแผลแตก แม้แต่น้อย มีเพียงรอยช้ําบวมเท่านั้น นายง้วน รอดชีวิตมาได้เพราะพุทธคุณเหรียญปี2541 หลวงพ่อเง คุ้มครองช่วยชีวิตไว้
** สักยันต์อยู่ยงคงกระพัน นายจํานงค์ แซ่อึ้ง อยู่บ้านเลขที่ 1728/12 ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นคนหนึ่งที่ได้ไปขอให้หลวงพ่อเง วรจนฺโท สักยันต์ตามข้อและร่างกาย ให้หลวงพ่อเง ท่านได้ทําการสักให้ตามสูตรวิชา สักจํานวน 19 จุด ในครั้งแรก นายจํานงค์ ได้ถูกงูกัดฉกกัดโดนขา หลายครั้ง แต่ก็กัดไม่เข้า และได้ไปตกปลาใช้ปืนยิงปลาด้วยลูกดอก ลูกดอกเด่งกลับโดนที่หน้าท้อง แต่ ไม่เข้า ครั้งที่ 2 ลูกดอกเด่งกลับไปโดนที่ขาขวาก็ไม่เข้า ครั้งที่ 3 ลูกดอกเด่ง กลับไปโดนที่แขนซ้ายก็ไม่ เข้าอีก นายจํานงค์ แซ่อึ้ง ได้มาเป็นช่างก่อสร้างอยู่วัดนาลาว ได้เล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังว่า “หลวงพ่อเง เก่ง ด้านคงกระพันชาตรี และมหาอุต”
ถาวรวัตถุวัดนาลาว อุโบสถมหาอุต สร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ.2445 ในยุคสมัยของท่านพระครู ใบฎีกาต่วน เป็นเจ้าอาวาส ส่วนหลวงพ่อเง วรจนฺโท หรือ ท่านพระครูธวัชวุฒิคุณ เมื่อเป็นเจ้าอาวาสวัด ปทุมสราวาส(นาลาว) ก็ได้ทําการพัฒนา และทําการก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นภายในวัด(นาลาว) จํานวน มาก เช่นทําการขยับขยายกุฎิสงฆ์และศาลาเก่าไปสร้างขึ้น ณ ที่ใหม่ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สร้างศาลา เอนกประสงค์สุพรรณชาติ สร้างศาลาหอฉัน สร้างรั้วคอนกรีตรอบวัด ย้ายโรงเรียนปทุมสราวาส จาก เดิมอยู่กับวัดนาลาว ไปสร้างอีกฝั่งหนึ่งของคลองหนองปิง ซึ่งเป็นที่ดินของวัดในเนื้อที่ 18 ไร่ ปัจจุบันมี นักเรียนประมาณ 500 คน มีการศึกษาถึงชั้น ป.6 อาจารย์ทองหยด อิ่มนพรัตน์ เป็นผู้อํานวยการของ โรงเรียน และหลวงพ่อเง วรจนฺโท ได้เป็นองค์อุปถัมถ์โรงเรียน ได้มีการแจกทุนศึกษาทุกปี หลวงพ่อเง ได้สร้างศาลาธรรมสังเวชวัดนาลาว สร้างกุฎิเจ้าอาวาส ทําการก่อสร้างและพัฒนาวัดปทุมสราวาส(นา ลาว) ตลอดมา หลวงพ่อง วรจนฺโท จึงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญช่ำชองในไสยเวทย์มนต์คาถา แล้ว ยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วย อีกทั้งมีน้ําใสใจดี มีเมตตา พูดจาดี ตรงไปตรงมา เคร่งครัดในพระธรรม วินัย ถือมักน้อยสันโดษ บริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม ประติปทาเป็นที่ศรัทธาและเลื่อมใส เป็นเนื้อนาบุญที่สมควรกราบไหว้ และทําบุญสร้างกุศลกับท่านเป็นอย่างยิ่ง
เส้นทางเดินทางสู่วัดปทุมสราวาส (นาลาว)
1.ให้เดินทางเข้าถึงตลาดอําเภออู่ทอง จุดเริ่มต้นเริ่มที่หอนาฬิกา ซึ่งเป็นวงเวียนหอนาฬิกา วัด ปทุมสราวาส (นาลาว) อยู่ด้านทิศใต้ ให้ขับรถจากหอนาฬิกาไปเส้นทางแยกจรเข้สัมพันธ์ไประยะทาง 2.4 กม. ก็จะเห็นซุ้มประตูวัดด้านซ้ายมืออยู่ติดถนน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป 800 เมตรก็จะถึงวัด
2.เดินทางจากนครปฐม และที่มาจากกาญจนบุรี ถึง 3 แยกจรเข้สัมพันธ์เลี้ยวเข้าตลาดอู่ทอง ระยะทางจาก 3 แยกจรเข้สัมพันธ์วิ่งไป 5.2 กม.ซุ้มประตูวัดจะอยู่ด้านขวามืออีกฝากของถนน แล้วเลี้ยว ขวาเข้าไป 800 เมตร ก็จะถึงวัดปทุมสราวาส (นาลาว)