**ขณะนี้ ร้านเราเปิดให้บริการ เฉพาะออนไลน์ เท่านั้นนะคะ**

 

รบกวนลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ...

รบกวนพูดคุย กันในไลน์ เท่านั้นนะคะ

*หากลูกค้าต้องการติดต่อสั่งบูชา สั่งจอง สอบถามรายละเอียด*

ติดต่อได้ที่ Line iD : @pnt19 (กรุณาใส่ "@" ด้วย)  ช่องทาง line เท่านั้นนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

สั่งบูชาทาง Line สั่งบูชาทาง Line

ประวัติหลวงพ่อโฉม วัดเขาปฐวี

 

ปีพ.ศ. 2553 อายุ 72 ปี พรรษาที่ 52 เจ้าอาวาสวัดเขาปฐวี ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

          เป็นพระเกจิอาจารย์ไสยเวทย์เข้มขลัง มีปฏิปทาน่าเสื่อมใส บริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม ถือมักน้อยสันโดด เคร่งครัดในพระธรรมวินัย วาจาศักดิ์สิทธิ์ มีสัจจะบารมีแน่วแน่มั่นคง มีเมตตาเอื้ออาทรปฏิบัติเกื้อกูลต่อพุทธศาสนิกชนที่มากราบนมัสการอย่างเสมอกัน พุทธศาสนิกชนต้องประสงค์สิ่งใดที่ถูกที่ควร ท่านจะทำการให้ด้วยความรวดเร็วทันใจ พบง่าย ใจดี เป็นที่ประทับใจของพุทธศาสนิกชนทั้งใกล้และไกล มีลูกศิษย์มากมาย ยามเมื่อวัดเขาปฐวีมีงาน ทหารค่ายจิระประวัติจะมาช่วยหลวงพ่อโฉมจำนวนมาก เข้ากราบขอวัตถุมงคลไปเป็นสิริมงคลเป็นประจำ หลวงพ่อโฉมเป็นเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์แล้วยังเป็นพระพัฒนาส่งเสริมการศึกษา เป็นประธานส่งเสริมสถานศึกษาโรงเรียนวัดเขาปฐวีมาตลอด ในด้านไสยเวทย์พุทธาคม เป็นศิษย์สืบสาย หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก และสายวิชาพระครูวิบูลย์วชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร) วัดคฤหบดีสงฆ์ จากหลวงปู่ธูป ฉนฺทธมโม วัดเขาปฐวี และสืบสายพุทธาคมหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จากหลวงพ่อปุย กตปุณโญ วัดหนองสระ หลวงพ่อพลอย วัดทุ่งโพธิ์ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เรียนวิชาเสกปลัดจากครูถึง เรียนวิชาหุงน้ำมันมนต์จาก พ.อ.ชม สุคันธรักษ์ สืบสายวิชาสายเขาอ้อ จ.พัทลุง จากพระอาจารย์ขาว และตำราไสยเวทย์หลวงพ่ออยู่ อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาปฐวีในยุคต้น ๆ

 

 

           ชาติภูมิ หลวงพ่อโฉม มีนามเดิมว่า โฉม ขยันกสิกรรม ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2481 เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนบุตรทั้งหมด 7 คน คือ 1.นางเจริญ 2.นางจำลอง 3.หลวงพ่อโฉม 4.นายบุญช่วย 5.นางสุดใจ 6.นายเฉลิม 7.นางฉลอง ของโยมพ่อชาย  โยมแม่เล็ก ณ บ้านหนองแห้ว ต.หนองกระทุ่ม อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี การศึกษาจบ ป.4 ที่โรงเรียนบ้านหนองแห้ว จบการศึกษาแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรม

          อุปสมบท ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดหนองขุย เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2502 โดยมีพระอุดมธรรมการ (หลวงพ่อสม) วัดทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอุเทศวรรณสารณ (หลวงพ่อปุย) วัดหนองสระเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านพระสมุสุธร กัลยาโณ วัดหนองขุย เป็นพระอนุสาวณาจารย์ อุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า ฐิติญาโณ

          ศึกษาพุทธาคม เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาปฐวี เพราะมีความเสื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ธูปเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อโฉมสนใจในเรื่องไสยเวทย์มาตั้งแต่อายุ 10 กว่าปี เมื่อทราบว่าหลวงปู่ธูปมีความเชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์มาก มีความตั้งใจจะอยู่ใกล้ชิด ต้องการศึกษาวิชาจากหลวงปู่ธูป ได้มาจำพรรษาอยู่วัดเขาปฐวี ได้ใกล้ชิดรับใช้หลวงปู่ธูป หลวงพ่อโฉม ได้เรียนนักธรรมพร้อมศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐาน สมถกรรมฐานและไสยเวทย์ คาถาอาคมต่าง ๆ
          วิชาการหนุนธาตุทั้ง 4 วิชาบรรจุพลังเวทย์มนต์ให้คงอยู่ในวัตถุธาตุ ทำตะกรุดโทน ตะกรุดมหาลูด ทำผงเมตตา วิชาอยู่ยงคงกระพัน มหาอุต การขับคูณไสย ทำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากหลวงปู่ธูป เจ้าอาวาสวัดเขาปฐวีองค์ก่อน หลวงปู่ธูป ท่านเป็นชาวอำเภอพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เป็นพระลูกมูล ชอบออกธุดงค์เป็นประจำ เคยเดินธุดงค์มาวัดเขาปฐวีถึง 3 ครั้ง ในครั้งหลังสุดประมาณปี พ.ศ.2485 ได้มาจำพรรษาอยู่วัดเขาปฐวี ได้นำเอาตำรับตำราไสยเวทย์ต่าง ๆ มาไว้ที่วัดเขาปฐวีมากมาย ท่านมาอยู่วัดเขาปฐวีจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ส่วนตำราที่นำมาอยู่วัดเขาปฐวี มีของหลวงพ่อมา วัดปกมะพร้าวสูง ของหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ธูป กล่าวบอกหลวงพ่อโฉมว่า ท่านได้ศึกษาวิชาคาถาต่าง ๆ จากหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี อยู่ไม่ไกลบ้านเกิดของท่าน และได้ธุดงค์ไป จ.นครสวรรค์ ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อแก วัดส้มเสี้ยว ต่อจากวัดส้มเสี้ยว ก็ธุดงค์ต่อไป อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้ไปวัดคฤหบดีสงฆ์ พบกับท่านพระครูวิบูลย์วชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร) เข้าปรึกษาขอเรียนวิชาไสยเวทย์ คาถาอาคม พิธีการบวงสรวง ปลุกเสกบรรจุพุทธคุณเข้มขลังด้านคงกระพันชาตรี และแคล้วคลาด จากนั้นก็เดินทางกลับผ่านมายัง อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มีโยมชาวบ้านเป็นหมอไสยศาสตร์ ได้ถวายตำราอาคมต่าง ๆ ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าให้มา 1 เล่ม และได้ตกทอดมาอยู่วัดเขาปฐวี หลวงปู่ธูป อยู่ในวัย 70 กว่าปี ได้สอนวิชาคาถาอาคม ไสยเวทย์ต่าง ๆ ให้หลวงพ่อโฉม ตลอดมาจนถึงปีพ.ศ.2507 หลวงปู่ธูป ฉนฺทธมโม ก็ได้ละสังขารมรณภาพลงรวมสิริอายุได้ 82 ปี หลวงพ่อโฉม ถึงแม้ว่าจะเล่าเรียนวิชาไสยเวทย์ก็หาละทิ้งเรียนธรรมไม่ ท่านสอบได้นักธรรมเอกในปีพ.ศ.2504 เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาปฐวี ต่อมาถึงปัจจุบันและต่อมาในปีพ.ศ.2534 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ในเรื่องเรียนวิชาไสยเวทย์ในพรรษาที่ 9  ได้ไปขอเรียนวิชาสายหลวงพ่อเดิมกับพระครูอุเทศวรรณสารณ (หลวงพ่อปุย กตปุณโญ) วัดหนองสระ วิชาเสกมีดหมอ คาถาคงกระพัน คาถานางกวัก เสกเคี้ยวงา นอกจากนั้นอดีตเจ้าอาวาสยุคต้น ๆ ของวัดเขาปฐวียังมีหลวงพ่ออยู่ ได้เขียนตำราไสยเวทย์ทิ้งไว้ หลวงพ่อโฉมได้นำมาศึกษา มีวิชาขับคูณไสยทำตะกรุดคลอดลูก ตะกรุดป้องการผีป่า วิชานั่งทางในดูฤกษ์ยามอุบากอง เวลาปลูกบ้าน ออกรถ วางศิลาฤกษ์ การเดินทาง ลาสิกขา พระอาจารย์ของหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อพลอย วัดทุ่งโพธิ์ ท่านเป็นสายไหนไม่ทราบ แต่ว่าท่านเก่งเรื่องคงกระพันชาตรีและมหาอุต ด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์มาก อยู่อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี พูดถึงหลวงพ่อพลอย วัดทุ่งโพธิ์ ดังจากอุทัยเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ว่าปากพระร่วง คงเป็นเพราะหลวงพ่อโฉมได้วิชาดีมากจากท่าน ทำให้หลวงพ่อโฉม ก็วาจาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนวิชาหุงน้ำมันมนต์ รักษากระดูกแตก กระดูกหัก กระดูกร้าว ไปเรียนมาจาก พ.อ. ชม สุคันธ์รักษ์ และได้เรียนวิชาเสกปลักขิกกระโดดได้จากครูถึง อยู่จังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้ปลัดมีชื่อเสียงโด่งดัง หลวงพ่อโฉมได้เรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ชื่อพระอาจารย์ขาว ท่านจำไม่ได้ว่าอยู่วัดอะไร พระอาจารย์ขาวบอกว่าวิชาที่สอนให้เป็นวิชาของสำนักเขาอ้อ เมื่อประมาณปีพ.ศ.2515 มีผู้ใหญ่บานได้ไปนิมนต์พระอาจารย์ขาว มาจากพัทลุงหลายครั้ง ได้นิมนต์ท่านมาพักที่วัดเขาปฐวีหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาปฐวี 1 พรรษา และได้มาถ่ายทอดวิชาไล่ผีขับวิญญาณให้หลวงพ่อโฉม วิชาที่หลวงพ่อใช้เกี่ยวกับเรื่องไล่ผี ขับวิญญาณที่ใช้รักษาอยู่ทุกวันนี้ เป็นวิชาสายเขาอ้อของพระอาจารย์ขาวนั่นเอง รักษาได้ผลหายเกือบทุกรายไป ที่กล่าวเรื่องราวประวัติด้านศึกษาไสยเวทย์ของหลวงพ่อโฉม แสดงให้เห็นว่าท่านสนใจมุมานะ และมีวิชาไสยเวทย์เข้มขลังจริงเชื่อถือได้ 100%

          ปฎิปทาศิลวัตร หลวงพ่อโฉม ฐิติญาโน เป็นที่ศรัทธาเสื่อมใสของชาว ต.ตลุกดู่ ทั่วจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดใกล้เคียงอีกหลายจังหวัดและพร้อมที่จะเป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงระดับประเทศ สอบถามชาวบ้านในตำบลตลุกคู่ ชาวบ้านในอำเภอทัพทัน แม้ในจังหวัดก็ได้เสียงตอบรับเหมือนกันว่าเป็นพระดี เคร่งในพระธรรมวินัย วิชาดี มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ปลัดขิกดังมาก ค้าขายดีและเรื่องรถก็เก่ง ก็ขอทราบเกี่ยวกับที่ว่าวาจาศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้มีเรื่องของผัวเมียคู่หนึ่งประพฤติผิดใจกันต่างก็ต่อว่าถกเถียงกันว่ามีชู้ ได้พากันไปสาบานต่อหน้าหลวงพ่อโฉมว่า ถ้าต่างก็ผิดทั้งคู่ก็ขอให้ตายไปพร้อมกัน หลวงพ่อโฉม ทัดทานห้ามไว้ว่า โยมทั้งสองอย่าเลย มันจะไม่เป็นผลดี ทั้งสองคน ก็ไม่เชื่อฟัง ยังยืนคู่กันแล้วกล่าววาจาว่าถ้าต่างก็มีชู้ ก็ขอให้มีอันเป็นไป ให้ตายไปพร้อมกันทั้งคู่แล้วต่อมาอีก 1 สัปดาห์ ผัวเมียคู่นั้นก็ถูกไฟฟ้าดูดตายในขณะที่ดึกลวดไปล้อมวัว ลวดได้ไปเกี่ยวถูกสายไฟ ลวดได้บาดสายไฟเป็นแผล ไฟรั่ววิ่งเข้าสู่ลวดไปช็อตผัว เมียเห็นกระโดเข้าช่วยเลยถูไฟช็อตตายทั้งคู่ ต่อมาผู้เขียนได้ติดตามไปจนพบว่า ผัวเมียคู่นี้อยู่บ้านเลขที่ 10 บ้านเกาะกลาง ต.ตลุกดู่ ชายชื่อนายเสริม เกตุสิน หญิงชื่อนางสังวาร เกตุสิน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงชาวบ้านแถวนั่นทราบเรื่องนี้ดี มีอีกเรื่องที่หลังวัดเขาปฐวี จะมีตลาดนัดสัปดาห์ละครั้ง พวกแม่ค้านับถือเรื่องน้ำมนต์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ เอากระป๋องใส่น้ำมาคนละครึ่งถัง มาให้หลวงพ่อโฉมทำน้ำมนต์ไปพรหมสินค้าแล้วขายดิบขายดี มีแม่ค้าคนหนึ่งไม่ซื่อตรง รับธนบัตรจำนวน 500 บาทจากลูกค้าไปแล้วไม่ยอมทอน เกิดการเถียงว่าเป็นธนบัตรชนิด 20 บาท ถกเถียงกันไม่รู้จักจบ ก็ท้ากันว่าไปสาบานกันต่อหน้าหลวงพ่อโฉม ได้ไปสาบานว่าถ้าเอาธนบัตรใบละ 500 บาทไปจริง ขอให้รถชนตาย พอตลาดนัดเลิก แม่ค้าคนนั้นก็ขับรถกลับบ้านไปยังไม่ถึงบ้านก็ถูกรถชนตาย
          เรื่องที่เกิดขึ้นในลักษณะอย่างนี้ยังมีอีกมาก ขอเขียนให้ทราบแค่เพียงบางราย ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายตลาดนัดที่วัดเขาปฐวีเชื่อในวาจาสิทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโฉม ส่วนใหญ่จะมาขอพรจากหลวงพ่อ เห็นแม่ค้าพ่อค้าต่างบอกว่าตั้งแต่ขอพรแล้วฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ชาวบ้านในตำบลตลุกดู่จะปลูกบ้านสร้างเรือน จะไปให้หลวงพ่อนั่งทางใน จับยามอบากองดูฤกษ์ จะออกรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถไถนา แม้รถอีแต่น ก็จะมาให้หลวงพ่อดูฤกษ์ให้ เสร็จแล้วจะนำมาให้ทานเจิมทุกรายไป ส่วนปลัดขิก ดีด้านค้าขายและคุ้มครองป้องกันอุบัติเหตุ ใช้รักษาปวดท้องได้โดยเอาปลัดขิกไปฝนกับน้ำมะนาวกินแก้วปวดท้องได้ หุงน้ำมันมนต์ใช้ทารักษากระดูหัก กระดูกแตก ซ้น เคร็ดขัดยอก ปวดเมื่อยได้ผล เอามือลงไปคนน้ำมันเดือด แล้วตักมาอมใส่ปากแล้วพ่นรักษาหรือขับคูณไสยได้ ผีเข้า พวกมึนงง ส่งเสียงร้องให้แล้ววิ่ง มีวิชาไสยเวทย์รักษาจะหายแทบทุกรายไป

          วัตถุมงคลและประสบการณ์  พระกริ่งคัณฑราษฎร์ วัดเขาปฐวี สร้างในปีพ.ศ.2516 หลวงพ่อโฉมปลุกเสกเดี่ยวได้มีประสบการณ์ นายสงวน วินัยพาณิชย์ โดนยิงไม่ออก นายสงวน วินัยพาณิชย์ เจ้าของร้านขายปุ๋ยและของชำอยู่หน้าวัดเขาปฐวี ได้ขี่รถจักรยานไปธุระหลังเขาปฐวีขากลับได้ถูกคนร้ายดักยิงแบบประจันหน้าและหลัง มีคนร้ายถือปืนคนละ 1 กระดอก 4 คนรวม 4 กระบอก หน้า 2 หลัง 2 ได้ยิงนายสงวนด้านหน้าก่อน แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก นายสงวนทิ้งรถจักรยานหันหลังจะวิ่งหนี ก็ไปเจออีก 2 คน ได้ยิงมายังตัวนายสงวน ก็ปรากฏว่ายิงไม่ออก นายสงวนตะโกนให้คนมาช่วย แล้วคนร้ายก็หนีไป เรื่องนี้รู้กันทั่ว สอบถามดูได้ นายสงวนเป็นกว้างขวาง และมีฐานะได้จับจองป่ายางในป่าสงวนไว้ 1,000 กว่าไร่ เกิดไปขัดผลประโยชน์กับผู้มีอิทธิพล ถูกสั่งฆ่า นายสงวนยังสงสัยว่าตั้ง 4 กระบอกทำไมถึงยิงไม่ออก น่าจะไม่ใส่กระสุนมาแสดงว่าขู่มากกว่า ก็ถอดเอาพระกริ่งคัณฑราษฎร์ไปลองยิงที่ข้างเขาหลังวัดดู ก็ปรากฏว่ายิงไม่ออกอีก เป็นเพราะพุทธคุณพระกริ่งคัณฑราษฎร์วัดเขาปฐวีของหลวงพ่อโฉมแน่นอน ทำให้ชาวบ้านต่างเล่นหากันในคาสูงถึงองค์ละ 5,000 บาท ก็ยังหาไม่ได้ ในปัจจุบันที่มีก็หวงแหนไม่มีใครยอมออกตัว นายสงวน วินัยพาณิชย์ หลังจากภรรยาคู่ชีวิตได้เสียชีวิตไปแล้ว ก็ได้ไปบวชเป็นพระภิกษุอยู่วัดหนองเป็ดก่า อ.ทัพทัน ปล่อยร้านค้าให้ลูกสาวดำเนินกิจการต่อไป เรื่องนี้หากมีอะไรอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ให้ไปสอบถามหลวงตาสงวนได้ที่วัดหนองเป็ดก่า วัดนี้อยู่เลยวัดเขาปฐวีไปทางหลังเขา 7 ก.ม. ประสบการณ์เรื่องปลัดขิก พ่อค้าแม่ค้าหลาย ๆ รายบอกว่า เอาปลัดขิกไปจิ้ม ๆ ที่ของที่จะขาย จะขายดี ขายหมดทุกวัน เรื่องคุ้มครองเรื่องรถ มีนายตำรวยท่านหนึ่งพกปลัดขิกของหลวงพ่ออยู่ในตัวตัวเดียว เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน รถได้พังยับเยินตกลงไปในท้องนา เจ้าตัวไม่มีบาดเจ็บแต่อย่างใด นายสะอาด เอี่ยมวรรณจิต อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 9 ต.หนองกระทุ่ม อ.ทัพทัน มีปลัดขิกรอยเชือกคาดเอวเกือบรอบเอว เป็นปลัดขิกของหลวงพ่อโฉมทั้งหมด มีทั้งเนื้อไม้แกะและเนื้อโลหะ เขาคุยว่า เขาศรัทธามาก จะมีทุกรุ่น ได้คุยยืนยันถึงประสบการณ์ให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ไปที่กุฏิ จะไปขอปลัดขิกหลวงพ่อ ท่านบอกว่าชุดนี้ยังไม่ทันเสก ให้นั่งคอยสักครู่ แล้วท่านก็หยิบปลัดขิกใส่ถาดแล้วทำสมาธิ เสกคาถา จนหลัดขิกกระโดดออกจากถาด แล้ววิ่งไปแปดตัว ไปหยุดอยู่ห่างจากหลวงพ่อประมาณ 2 เมตร พอท่านหยุดเสกก็บอกว่า เลือกเอาไป เขาเลยถือโอกาสทำบุญขอเอามาเสีย 8 ตัว นายสะอาดกล่าวว่าน่าอัศจรรย์ เห็นปลัดขิกวิ่งเหมือนแข่งกัน เวลาจะมีเหตุร้าย เจ้าปลัดขิกอยู่ในเอวจะดิ้น เหมือนเตือนภัย ถ้าดิ้นที่ไรขับรถจะไปเฉี่ยวชนกับเขาทุกที แต่ไม่มีอะไรหนักหนา เดี่ยวนี้ถ้าวันใดปลัดขิกในเอวดิ้น เขาจะไม่ออกจากบ้านเพราะกลัวมีเรื่องเสียเงิน ถ้าโดยปกติไปติดต่องานต่าง ๆ ดีมาก นายสะอาดเป็นช่างก่อสร้างกล่าวจากประวัติหลวงพ่อโฉม เท่าที่ติดตามมาเขียน และพบกับท่าน ก็กล้าสรุปและยืนยันได้ว่าท่านเป็นพระที่สมบูรณ์พร้อม พระดีไม่มีด่างพร้อยมลทินใด ๆ เป็นพระที่มีบุญบารมีสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติมาชื่อคำว่าโฉม หมายถึงความสง่างาม เมื่อมาได้รับฉายาว่า ฐิติญาโณ อันหมายถึงผู้มีญาณเป็นที่ตั้ง วัดที่จำพรรษาคำว่า เขาปฐวี คือภูเขาและแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ กว้างใหญ่ไพศาล เป็นที่อยู่ของมวลมนุษย์และสัตว์ และสรรพสิ่งมีชีวิต ถือว่ามีความสำคัญมาก ความหมายที่ดีทั้งหมดเหล่านี้ มาอยู่ในสถานที่เดียวกันได้อย่างไร ไม่มีใครกำหนดให้เป็น ต้องถือว่าเป็นเพราะบุญบารมีที่ท่านสร้างสมหรือได้บำเพ็ญเพียรมา แต่อดีตชาติของหลวงพ่อกำหนด แล้วได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชพระภิกษุ สามเณร ให้กับบุตรหลานชาวพุทธ ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่สำคัญในการช่วยศาสนา เป็นพระที่กราบได้อย่างสนิทใจ ขอเชิญท่านพุทธศาสนิกชนเดินทางไปชมบารมีกราบนมัสการขอพร เพื่อเป็นสิริมงคล และบูชาวัตถุมงคล พรหมน้ำมนต์จากหลวงพ่อโฉม ฐิติญาโณ วัดเขาปฐวี ท่านจะมีความสุขเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า การเดินทางให้มุ่งสู่จังหวัดอุทัยธานี แล้วผ่านหลังเขาสะแกกรังไปยัง อำเภอทัพทันระยะทาง 16 ก.ม.  พอถึงตลาดทัพทันแล้วมุ่งตรงไปถึงตลาดเทศบาลตำบลตลุกดู่อีก 12 ก.ม. จากเทศบาลตำบล ตลุกคู่ถึงเขาปฐวี 2 ก.ม. เขาปฐวีเป็นเขาหินปูน ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา พื้นล่างปรกหลุมด้วยทิวไม้เขียวขจี จะเห็นวัดเขาปฐวีอยู่หน้าเขา แล้วจอดรถที่หน้ากุฏิหลวงพ่อโฉม อย่าไปจอดหลังวัด เพราะมีลิงมากเป็นพันตัว ลิงซุกซนมากต้องระวังมาทำลายรถหรือข้าวของจะเสียหาย ถ้าได้นำกล้วยหรืออาหารผลไม้ไปเลี้ยงลิงที่หลังวัด ก็จะได้บุญที่เรียกว่าทานกริยาวัตถุ 10 ทานกริยาวัตถุ 10 นี้ ถ้าบุคคลใดทำได้ครบ เกิดชาติหน้าฉันใดจะร่ำรวยเร็วและทรัพย์สมบัติจะมั่นคง ไม่วิบัติสิ้นสลาย เมื่อมาถึงวัดเข้าพบกราบหลวงพ่อแล้ว ท่านอย่างพึ่งรีบกลับ ลืมบอกท่านที่จะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ถึงวัด ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ให้ออกจากบ้านแต่เช้า ประมาณไม่เกิน 6 โมงเช้า หลังจากไปนมัสการหลวงพ่อโฉมแล้วให้กลับมาที่ตลาดเทศบาลตำบลตลุกดู่แล้วเลี้ยวขวาเดินทางท่องเที่ยวสูดอากาศชมวิวไป 25 ก.ม. ทางลาดยางตลอด จะพบกับวิวและธรรมชาติที่สวยและสดชื่นมาก ซึ่งในเมืองใหญ่จะไม่มีไม่แพ้ไปเที่ยวทะเล พบภูเขาสวยปรกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่เขียว อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ บรรยากาศสงบเยือกเย็นก็มาถึงอำเภอลานสัก มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ถ้ำเขาฆ้องชัย เขาพระยาพายเรือ น้ำตกอีกซ่า น้ำตกไขเบอร์ ถ้ำประทุน จะพบกับความสุขและประทับใจที่สุด คุ้มค่ากับการเดินทางที่สุด ไปแล้วจะอยากไปอีก ข้าวปลาอาหารทุกอย่างถูกกว่าในเมืองใหญ่ แต่ต้องทำเวลาหน่อย ถ้าอยากไปกลับภายใน 1 วัน เมื่อไปชมสถานที่ต่าง ๆ แล้วให้ย้อนกลับไปที่วัดเขาปฐวี ถึงวัดไม่เกินบ่าย 5 โมงครึ่งไปชมคางคาวล้าน ๆ ตัวบินออกจากถ้ำเขาปฐวี เขาปฐวีถ้ำอยู่ถึง 20 ถ้ำ แต่มีถ้ำที่เที่ยวได้เพียง 10 ถ้ำ ที่หลังเขาที่ถ้ำปลา ชาวบ้านเล่าว่ามีอยู่ 1 ถ้ำอยู่หลังเขาไม่มีใครถ่ายรูปติด ถ้าไม่อธิษฐานขอถ่ายก่อน เท็จจริงอย่างไรต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

 

โดย ม.ถ.พิจิตร