**ขณะนี้ ร้านเราเปิดให้บริการ เฉพาะออนไลน์ เท่านั้นนะคะ**

 

รบกวนลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ...

รบกวนพูดคุย กันในไลน์ เท่านั้นนะคะ

*หากลูกค้าต้องการติดต่อสั่งบูชา สั่งจอง สอบถามรายละเอียด*

ติดต่อได้ที่ Line iD : @pnt19 (กรุณาใส่ "@" ด้วย)  ช่องทาง line เท่านั้นนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

สั่งบูชาทาง Line สั่งบูชาทาง Line

ประวัติหลวงพ่อผล วัดลุ่มโพธิทอง

     เพชรบุรี เป็นจังหวัดที่มีความเจริญรุ่งเรือง ด้านเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมมากจังหวัดหนึ่งในปัจจุบัน มีความอุดมสมบูรณ์ในทรัพยากรทางธรรมชาติทางบก และทางทะเล ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร และประมง ทำนาเกลือ ทำนาข้าว ปลุกผักและผลไม้ พืชไร่ และแหล่งทองเที่ยว อุดมทั้งด้านอาหารทะเล และขนมหวาน เพชรบุรีเป็นจังหวัดที่จัดอยู่ในภาคกลางตอนล่าง มีอาณาเขตด้านทิศเหนือติดจังหวัดราชบุรี และจังหวัดสมุทรสงคราม ประชาชนส่วนใหญ่ทำนา ทำประมง และนาเกลือ ทิศตะวันออกติดทะเล ประชาชนส่วนใหญ่ทำนาเกลือ ทำนาข้าว  ทิศใต้ ติดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ประชาชนส่วนใหญ่ทำมาค้าขาย ทำธุรกิจท่องเที่ยว ทำเกษตร ทิศตะวันตก ส่วนใหญ่มีป่าเขา ติดพม่า ประชาชนส่วนใหญ่ทำไร่ ปลูกพื้ชผักและผลไม้ เช่น สับปะรด เป็นต้น ในส่วนกลางของตัว อำเภอเมืองประชาชนมีการค้าขาย ทำตาล และทำนา เป็นต้น เพชรบุรี เป็นเมืองเก่ามีร่องรอยโบราณสถานวัตถุมงคลให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางอารยธรรมที่สืบทอดกันมาหลายยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน เมืองเพชรบุรีจึงเป็นเมืองคนมี ความสามารถสูง คนดี คนเก่ง คนจริง รวมถึงพระเกจิอาจารย์เป็นยุคอดีตที่มีวัตถุมงคลเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ศรัทธา เลื่อมใสมีค่านิยมสูงมาก ส่วนใหญ่จะนิยมในเหรียญ และพระผงปิดตา และตะกรุด ซึ่งมี

1. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม สภาพสวยเล่นหาราคาาสูงถึง 1,5000,000 บาท เป็นหนึ่งในเหรียญ เบญจภาคี สุดยอดเหรียญ ยอดนิยมของเมืองไทย

2. เหรียญหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงที่ราคา 200,000 บาท

3. หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ค่านิยมเหรียญเนื้อเงิน 800,000 บาท

4. เหรียญหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ที่ราคา 150,000 – 200,000 บาท

5. เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดนายาง ราคา 4-5 หมื่นบาท

6. พระผงสังกัจจายคลุกรักษ์หลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล สภาพสวย 100,000 – 200,000 บาท

7. หลวงพ่อทอง วัดเขากระจิว

8. หลวงพ่อชิน รุ่น๑ วัดท่าขาม

9. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อฉิน วัดชะอำคีรี

10. เหรียญอุปัชฌาย์ฉิม วัดท่าดอย

11. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อตัด วัดชายนา

12. เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อจ้วน วัดเขารูปช้าง

13. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อม่วง วัดหนองกาทอง

14. เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อพิน วัดโพธิ์กุ

15. เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุ

16. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อตึก วัดเขาทะโมน

17. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อมี วัดพระทรง

18. ตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอน

19. ตะกรุดหลวงพ่อแก่ วัดวังคล้าย

20. เหรียญพ.ศ.2496 หลวงพ่อสุข วัดบันไดทอง

21. พระปิดตา หลวงพ่อชม วัดสิงห์

22. เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม วัดตาลกง

     พระเกจิอาจารย์ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดล้วนแต่มีวัตถุมงคลที่มีค่านิยมสูงราคาเกิน 10,000 บาททั้งสิ้น จึงเป็นที่ยอมรับได้ว่าอดีตพระเกจิอาจารย์ของจังหวัดเพชรบุรีมีไสยเวทย์พุทธาคมเก่ง และเชี่ยวชาญมาก และได้ สืบทอดพุทธาคมกันมาไม่ขาดสาย เช่น หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม หลวงพ่อโศก วัดปากคลอง หลวงพ่อโสก วัดปากทะเล, หลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเลใน หลวงพ่อแช่ม วัดนายาง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน, หลวงพ่อชม วัดสิงห์, หลวงพ่อมี วัดพระทรง, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง, หลวงพ่อเพลิน วัดหนอง ไม้เหลือง, หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง ซึ่งมีชื่อปรากฎอยู่ในทำเนียบพระเกจิอาจารย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ในยุค ปัจจุบันพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใส เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนอีกรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อผล กนฺตผโล หรือ พระครูวัชรโพธิคุณ เจ้าอาวาสวัดลุ่มโพธิทอง ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ก่อนอื่นขอหยิบยกถึงประวัติวัดลุ่มโพธิทอง ให้ทราบความเป็นมาเล่าพอสังเขปก่อน วัดลุ่มโพธิทอง อยู่เคียงข้าง บ้านดอนนาลุ่ม ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรีได้สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2501 ตั้งอยู่เลขที่ 15/1 ม.11 บ้านดอนนาลุ่ม ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีเนื้อที่ 24 ไร่ 1 งาน ได้มีผู้มีจิตศรัทธาได้บริจาคที่ดินสร้าง วัดลุ่มโพธิทอง 6 ท่านคือ 1. นายเนี่ยม-นางผ่อง สังข์สุข 2. นายเคียะ-นางไผ่ ยักประสิทธิ์ 3. นายหลง-นางเพียร บูรพานิช  4. น.ส.หรุ่ม-นางแถว ทองอ่อน 5. จ.ส.ต.ปัญญา-คุณบังเอิญ อ่องคล้าย 6. น.ศ.หรุ่ม ทองอ่อน

ทิศเหนือ  ติดกับ ทุ่งนาของหลวงหลง-นางเพียร บูรพานิช
ทิศใต้ ติดกับ อนามัยบ้านดอนนาลุ่ม
ทิศตะวันออก ติดกับ หมู่บ้านดอนนาลุ่ม
ทิศตะวันตก ติดกับ ทุ่งนาของชาวบ้านดอนนาลุ่มหลายเจ้า               

     วัดลุ่มโพธิทอง สร้างขึ้นมา 59 ปีแล้ว ตั้งอยู่ระหว่างหมู่ที่ 10 และ หมู่ที่ 11 บ้านดอนนาลุ่ม ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ที่เรียก “บ้านดอนนาลุ่ม” เพราะมีทุ่งนาอยู่ทุ่งหนึ่ง ชาวบ้าในย่านนี้ต่างได้เรียกกันว่า “นาลุ่ม” ทุ่งนี้มี ลักษณะเป็นทุ่งลึกเหมือนก้นกระทะ มีน้ำขังอยู่ตลอดมาน้ำไหลออกไปไม่ได้ ชาวบ้านจึงต่างเรียก “นาลุ่ม” และใน บริเวณใกล้เคียงกันนี้ยังมีสันดอนของนาลุ่มอยู่ดอนหนึ่ง ชาวบ้านมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ได้มีคนเฒ่าคนแก่เล่าไว้ว่า บรรดาชาวบ้านเหล่านี้มีเชื้อสายมาจากทางหมู่บ้านบางทะลุก็มี บ้านโพธิ์พระก็มี และบ้านนาพันสามก็มี ได้พากันอพยพเข้ามาอยู่อาศัยและได้สร้างบ้านเรือนอยู่ที่ในสันดอนดังที่กล่าวมาแล้วนี้ แล้วตั้งขึ้นเป็นหมู่บ้านขึ้นเรียกว่า “บ้านดอนน่าลุ่ม” มาถึงปัจจุบันนี้

 

ชีวประวัติหลวงพ่อผล กนฺตผโล หรือ พระครูวัชรโพธิคุณ อายุ ๗๔ ปี ๕๔ พรรษา (ในปีพ.ศ.๒๕๖๔)

เจ้าอาวาสวัดลุ่มโพธิทอง ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี พระเกจิอาจารย์มีไสยเวทย์มากด้วยพุทธาคมเข้มขลัง เมตตามหานิยม ค้าขาย มหาเสน่ห์ โชคลาภ อยู่ยงคงกระพันชาตรี มีความรู้และเชี่ยวชาญในศาสตร์ต่าง ๆ หลาย ด้าน เช่น ด้านคำนวณการก่อสร้าง ช่างไม้ มีความรู้ในด้านการใช้สมุนไพร ได้รับการสืบทอดไสยเวทย์พุทธาคมสายหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง จากหลวงพ่อเพลิน ธมมิโก (พระครูนันทศีลวัตร์) วัดหนองไม้เหลือง หลวงพ่อพาน สุขกาโม หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม สืบสายวิชาสายหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง สายหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่อิ๋น วัดบางทะลุ และหลวงพ่อสด วัดปากน้ำจากหลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ วัดลุ่มโพธิทอง

ชาติภูมิ  หลวงพ่อผล กนฺตผโล หรือ พระครูวัชรโพธิคุณ) นามเดิมชื่อ ผล บุญแก้ว เกิดวันจันทร์ที่ 28  กรกฎาคม พ.ศ.2490 ตรงกับวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน โยมพ่อ ชื่อไข่ โยมแม่ ชื่อสุด นามสกุลบุญแก้ว เกิด ณ บ้านเลขที่ 19 ม.10 ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีพี่น้องรวมโยมมารดาเดียวกัน 13 คน คนที่ 1 หลวงพ่อผล 2.นายผัน 3.นายพร 4.นายแผ่ว 5.นายชอบ 6.นายชีพ 7.นายชื้น 8.นายสืบ 9.นายสม 10.นายสรวง 11.นายสัก12.นางแสงเดือน 13.นายสิทธิเดช จบการศึกษาป.4 ที่โรงเรียนบ้านดอนนาลุ่ม อาชีพทำนา

อุปสมบท วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2510 เวลา 10.19 น. ณ พัทธสีมา วัดลุ่มโพธิทอง ต.ทองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี โดยมีหลวงพ่อเพลิน ธมฺมิโก หรือ ท่านพระครูนันทศีลวัตร์ วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ หรือ ท่านพระครูโพธิวัชรคุณ วัดลุ่มโพธิทอง เป็นพระกรรมวาจารย์ หลวงพ่อพาน สุขกาโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้รับฉายานามว่า “กนฺตผโล” ได้จำพรรษาอยู่วัดลุ่มโพธิทอง เรียนนักธรรม สอบได้นักธรรมตรี และนักธรรมโท ศึกษาไสยเวทย์พุทธาคม ได้รับการสืบทอดและถ่ายทอดไสยเวทย์พุทธาคม สายวิชาต่าง ๆ จาก หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ ซึ่งได้ไปศึกษามาจากหลวงพ่ออิ๋น วัดบางทะลุ สายวิชาทำผงหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล และหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง พ่อเงิน วัดดอนยายหอม และวิชาสายหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สายกรรมฐาน แบบสัมมาอะระหัง (ธรรมกาย) หลวงพ่อผล ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ โดยตลอด เป็นศิษย์ที่หลวงพ่อแก้ว โปรดปรานที่สุด หลวงพ่อผลดูแลปรับปรุงการก่อสร้าง วัดลุ่มโพธิทองแทนหลวงพ่อแก้วอยู่ตลอดมา เป็นพระลูกวัดที่หลวงพ่อแก้ว ไว้เนื้อเชื่อใจที่สุด ทุกค่ำคืนท่านจะเรียกให้ไปพูดคุยและปรึกษางาน บางคืนจะอบรมสั่งสอน เสนอแนะนำการปฎิบัติ เรื่องที่ท่านได้ไปอยู่กับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ จนหลวงพ่อสดได้มอบ ผงพุทธคุณ สมเด็จ วัดปากน้ำให้มาสร้างพระสมเด็จ 9 ชั้น เพื่อมอบให้ผู้มาร่วมทำบุญสร้างอุโบสถ วัดลุ่มโพธิทอง หลวงพ่อผลบวชอยู่ มาประมาณเดือนที่ 3 หลวงพ่อแก้ว ก็เรียกไปนั่งกรรมฐานที่กุฎิท่านแทบทุกคืน จนเชี่ยวชาญ แล้วให้ปฎิบัตินั่งวิปัสสนา จะสอนแบบแนวของหลวงพ่อทองศุขก่อน และได้ให้ทำสมาธิแบบสัมมาอะระหัง และได้สอนวิชาทำผง อิทธิเจ ต่อมาพรรษาที่ 2 หลวงพ่อแก้วก็ทำการเขียนอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ลงบนแผ่นกระดานดำแล้วลบ ได้เรียก ให้หลวงพ่อผลไปดูอยู่ใกล้ ๆ เสมือนสอนถึงวิธีการและปฎิบัติเรียนรู้ หลวงพ่อแก้ว ทำผงได้อยู่เป็นประมาณ 2 เดือน ได้ผงแค่ครึ่งบาตรก็ได้หามวลสารต่าง ๆ มาทำผงพุทธคุณอีก โดยได้เอาดิน 7 ป่าช้า ดิน 7 หัวเมืองดินวัวซ้อนลูก ดินคุยปู (ดินอุดรูปูตอนปูจำศีล) ดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสังเวนิยสถานต่าง ๆ และปูชณียสถานต่าง ๆ รวม ผงว่านยาและเกษรดอกไม้บดละเอียดมารวมกันทำเป็นแท่ง นำมาเขียนอักขระเลขยันต์ตามสูตรวิชา ลงบนแผ่น กระดานชนวน (กระดานดำ) แล้วลบผง ก็ได้ผงรวมได้ 1 บาตรเต็มแล้วได้นำมารวมกับผงพุทธคุณที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำให้มา ได้มีการสร้างพระสมเด็จ 9 ชั้นอกร่องขึ้น และหลวงพ่อผลได้ช่วยหลวงพ่อแก้วตำผง และกดพิมพ์ จนพระสมเด็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย และเป็นพระสมเด็จรุ่นแรกของวัดลุ่มโพธิทอง มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระที่หายาก ได้รับความนิยมในพื้นที่มาก ก็หาไม่ได้ หลวงพ่อแก้ว เป็นพระชอบศึกษาเรื่องเวทมนต์คาถามาก ได้เดินทางไปเรียนวิชาไสยเวทย์พุทธาคมจากหลายสำนัก เคยไปอยู่วัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ ไปอยู่วัดระฆัง เคยไปหาหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม บ่อยครั้ง แม้วัดลุ่มโพธิทองวางศิลาฤกษ์อุโบสถ หลวงพ่อเงิน ได้มาช่วย และสร้าง เหรียญเสมา เหรียญจิ๊กโก๋ มาช่วยด้วย หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ พระอาจารย์หลวงพ่อนี้ จะไปออกปริวาสกรรม ที่วัดโตนดหลวงกับหลวงพ่อทองศุข ทุกปี เป็นเรื่องราวความจริงที่ได้เขียนบันทึกไว้ในหนังสืออนุสรณ์งาน พระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ และมีข้อความอีกตอนหนึ่งว่า หลวงพ่อแก้ว ท่านมาในงานบวชนาค ขึ้นไปบนศาลาพบหลวงพ่อพาน ท่านคุยกันถึงเรื่องธุดงค์ หลวงพ่อพาน ท่านคุยว่าได้เดินธุดงค์ไปกับคุณพี่เพลิน (หลวงพ่อเพลิน) วัดหนองไม้เหลือง ไปถึงพุทธบาท ๔ รอย ในระหว่างทางถึงจังหวัดอะไรไม่ทราบ (คงจะถึงเมืองกาญจนบุรี และ สุพรรณบุรี) พบไฟไหม้ป่าอยู่ลูกเสือ 2 ตัวหนีไฟป่าออกมา แกจึงจับลูกเสือได้ตัวหนึ่ง อุ้มไปด้วยแต่อุ้มไปได้หน่อยหนึ่งจำต้องเอามันมาไว้ที่เดิม เพราะหลวงพ่อเพลิน ท่านให้เอาคืนเสียประเดียวแม่มัน กัดเอา ส่วนหลวงพ่อแก้วท่านก็ได้เล่าเรื่อง ได้ไปเดินธุดงด์ กับ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ให้ฟังว่า เย็นวันหนึ่ง ท่านหลวงพ่อทองศุข ได้เข้าไปปักกลดในป่าลึก ส่วนหลวงพ่อแก้ว ได้ไปปักกลดอยู่ข้างโขดหินใหญ่ อยู่ห่างหลวงพ่อ ทองศุขประมาณ 10 เมตร คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย พอตกดึกได้ยินเสียงคราง ๆ ครืดๆ มาแต่ไกล ท่านได้นั่งกรรม ฐานภาวนาเรื่อยไปไม่หยุด สักประเดี๋ยวได้มีช้างใหญ่เชือกหนึ่ง มันเดินสวบ ๆ มาที่กลดแล้วเอางวงม้วนกลดเลิก ขึ้นหมด เห็นหลวงพ่อทองศุขนั่งหลับตาเฉย ช้างมันเห็นเข้าแทนที่มันจะทำร้าย กลับคำนับแล้วถอยกลับไป     หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ พระอาจารย์ของหลวงพ่อผลรูปนี้เก่งมาก ได้ชาญสมาบัติชั้นสูง เป็นพระเกจิอาจารย์คงแก่การ เรียนสายวิชามาก หลวงพ่ออิ๋น วัดบางทะลุ หลวงพ่อตุ้ม วัดตาลกง หลวงพ่อมี วัดพระทรง เป็นพระยุคที่ทันกับหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเลทั้งนั้น หลวงพ่อแก้ว ได้ศึกษาไสยเวทย์มาในยุคนั้นการ สื่อสารยังมีน้อยจึงไม่ได้ถูกตีแพ่สู้โลกกว้างเหมือนปัจจุบัน หลวงพ่อผล กนฺตผโล ได้เดินทางไปกราบนมัสการ หลวงพ่อเพลิน ธมฺมิโก พระอุปัชฌาย์อยู่เสมอ วัดหนองไม้เหลือง อยู่ห่างจากวัดลุ่มโพธิทองประมาณ 5-6 ก.ม. เท่านั้น ได้เดินทางไปศึกษาการปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และไสยเวทย์พุทธาคม จากหลวงพ่อเพลิน และท่าน ได้สอนคาถาอาคมขลังการประจุธาตุและพลังจิต การปลุกเสกวัตถุธาตุให้มีพลังพุทธคุณ และเดินลมหายใจเรียก ธาตุหนุนธาตุ ได้เดินทางไปเรียนจนสำเร็จหมดทุกอย่าง และได้รับการแนะจากพระอุปัชฌาย์ว่าให้ไปหาท่านพ่ออุ้น แกเก่งมาก ท่านเป็นศิษย์สายท่านพ่อดิ้ง วัดนางวัว เรียนจากพ่อท่านชัน วัดมาบปลาเค้า มีพลังอำนาจทางจิตสูง เพราะพ่ออุ้นได้เคยมาอยู่ด้วยกัน ทั้งท่านแก้ว ท่านพาน ก็มาอยู่ด้วยกันที่วัดนี้ เมื่อได้รับคำแนะนำแล้ว จากนั้น หลวงพ่อผล กนฺตผโล ก็ได้เดินทางไปหาหลวงพ่ออุ้น อยู่เสมอ วัดตาลกงอยู่ห่างไกลจากวัดลุ่มโพธิทอง 12 กม. ได้เดินทางโดยรถยนต์ตลอด ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทย์พุทธาคม ขลัง ด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ คงกระพันชาตรี มหาอุดและขับคุณไสย ไล่ผีขับวิญญาณ ปัดรังขวาน เจิมรถ ทำ น้ำมนต์ การใช้พลังจิต การเป่าเสก ปลุกเสกวัตถุมงคลทำให้เกิดพลังความศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ได้กล่าว สอนหลวงพ่อผล กนฺตผโล ในระหว่างบอกมอบพระคาถามหาอุตปืนที่ได้ผลในตอนหนึ่งให้ฟังว่า “ในพระคาถา และอักขระตัวเดียวกัน บางคนก็ใช้ได้ผล บางคนก็ใช้ไม่ได้ผล” หลวงพ่อผล ได้กราบถามว่าทำอย่างไรจึงได้ผล หลวงพ่ออุ้น ท่านกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติทางจิต ทางกายใจ จังหวะการใช้ธาตุลมให้เป็นไฟ และแล้ว หลวงพ่ออุ้นก็ได้สอนมอบพระคาถา และวิธีเสกเป่าพระคาถาให้จนจบสิ้น ก็เรียกได้ว่าหลวงพ่อผล กนฺตผโล เป็นพระเกจิอาจารย์มีไสยเวทย์มากรูปหนึ่ง ต่อมาท่านก็ได้พิจารณาในคำพูดของ พระอุปัชฌาย์เพลิน วัดหนองไม้เหลือง ว่า พ่อแก้ว พ่ออุ้น พ่อพานได้มาอยู่ด้วยกัน ก็นึกถึงหลวงพ่อพาน จึงได้กลับไปถามหลวงพ่อพาน รูปนี้ละท่านอยู่หรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า หลวงพ่อพานท่านก็เก่ง ได้เคยตามฉันไปธุดงค์ด้วยกัน ท่านจะไป ๆ มาๆ ที่นี่เสมอ หลวงพ่อผลเมื่อทราบแล้ว ก็ได้บอกฝากพระลูกวัดที่เคยรู้จักให้ช่วยนิมนต์หลวงพ่อพานไว้ และส่งให้คนขี่ มอเตอร์ไซค์ไปบอกท่านจะมาพบและกราบนมัสการ แล้วผลที่สุดหลวงพ่อผล ก็ได้พบหลวงพ่อพาน วัดโป่งกระสัง ได้ขอศึกษาเล่าเรียนวิชาจากท่าน ก็ได้รับการตอบรับ หลายครั้งที่หลวงพ่อผลได้มาพบศึกษาวิชาจากหลวงพ่อพาน ที่วัดหนองไม้เหลืองต่อมาหลวงพ่อผล กนฺตผโล ก็ได้นิมนต์ท่านหลวงพ่อพานไปพำนักที่วัดลุ่มโพธิทอง ในวาระที่ วัดลุ่มโพธิทองมีงานสำคัญ หลวงพ่อพานจะมาช่วยอยู่เสมอ

     ต่อมาในปีพ.ศ.๒๕๒๗ จ่าปัญญา อ่องคล้าย อยู่ปทุมธานี บ้านพุทธประทาน ศิษย์ พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เอารถมานิมนต์รับตัวหลวงพ่อผล ไปฝากตัวเป็นศิษย์ ขอเรียนวิชา มะโนประนิธิ จาก พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หลวงพ่อผล ได้ไปพักเรียนวิชาอยู่หลายครั้ง ในการเรียนแต่ละครั้ง จะค้างที่วัดท่าซุงอยู่เป็นอาทิตย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านได้รับหลวงพ่อผล กนฺตผโล ไว้เป็นศิษย์ ได้แนะนำอบรมสั่งสอน ไสยเวทย์ วิปัสสนากรรมฐาน มะโนประนิธิให้ หลวงพ่อผล ได้วิปัสสนากรรมฐาน มะโนประนิธิ ในแต่ละวัน จะต้องนั่ง 3 ช่วง ช่วงเช้า 3 ชั่วโมง ช่วงบ่าย 3 ชั่วโมง และ ช่วงกลางคืน 3 ชั่วโมง หลวงพ่อผล ได้ไปพักวัดท่าซุง ถึง 5 ครั้ง และ ได้ทำตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สอนไว้  ปฎิบัติตามคำสอนมาจนสำเร็จวิชา ที่วัดท่าซุง ได้มีหลวงพ่ออนันต์ และ พระอาจารย์อาจิณ เป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งเป็นครูสอนแทนหลวงพ่อในบางครั้ง ได้เป็นอาจารย์สำหรับทดสอบตรวจสอบ วิชา และ สอบจิตหลวงพ่อผลที่ได้เรียนมา หลวงพ่อผล ได้เรียนสำเร็จบรรลุสายวิชาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อผล ได้เดินทางไปกราบนมัสการ พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ทุกปี

     จากที่เป็นศิษย์สืบทอดวิชาแล้ว หลวงพ่อผล กนฺตผโล ยังได้รับวัตถุมงคล พระผงสมเด็จคำข้าว และ พระสมเด็จหางหมาก จาก พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาจำนวนมากถึงสามพันห้าร้อยองค์ ซึ่ง ณ ปัจจุบันค่านิยมเล่นหาราคาสูงหลายพัน

ตำแหน่งและสมณศักดิ์     ได้รับสมณศักดิ์ที่พระครูวัชรโพธิคุณในปีพ.ศ 2541 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นเอก พ.ศ.2551 ต่อมาในปีพ.ศ.2526 เป็นพระกรรมวาจารย์ พ.ศ.2530 สำเร็จการอบรมหลักสูตรสูตรพิเศษ การใช้สมุนไตร พ.ศ.2530 เป็นรองเจ้าอาวาส พ.ศ.2535 รักษาการแทนเจ้าอาวาส พ.ศ.2536 ได้รับการ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดลุ่มโพธิทอง  สืบต่อจากหลวงพ่อ ฐิตรติ พ.ศ.2537 จบหลักสูตรการบริหารทั่วไป พ.ศ. 2540 รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสนาม หลวงแผนกธรรม

งานด้านการศึกษา  พ.ศ.2519 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม
พ.ศ.2535 เป็นเจ้าสำนักการศึกษา วัดลุ่มโพธิทอง
พ.ศ.2537 ส่งพระภิกษุเข้าสอบนักธรรมสนามหลวง 8 รูป
พ.ศ.2538 ส่งพระภิกษุเข้าสอบนักธรรมสนามหลวงรวม 14 รูป
พ.ศ.2539 ส่งพระภิกษุเข้าสอบนักธรรมสนามหลวง 6 รูป
ขอบรรยายแค่ 5 ปี พระภิกษุเข้าสอบนักธรรม 28 รูป สอบได้จำนวน 23 รูป

ด้านส่งเสริมการศึกษา

1. เป็นองศ์อุปถัมภ์โรงเรียนบ้านดอนนาลุ่ม

2. เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนโตนดน้อย

3. เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนบ้านบ่อโพรง

4. ก่อตั้งบัญชีทุนการศึกษาของพระภิกษุและสมเณร

5. ก่อตั้งบัญชีทุนการรักษาพยาบาลพระภิกษุสมเณร

6. บริจาคทรัพย์ช่วยสนับสนุนพระภิกษุสอบบาลี ของหลวงพ่อสดธรรมมิกการาม

7. ให้การสนับสนุนสำนักธรรมสอบบาลีเพชรบุรี

8.  แจกเครื่องเขียนให้แก่นักเรียนธรรม และครูผู้สอนทุกชั้นเรียนทุก ๆ ปี

9.  นักเรียนนักธรรมทุกรูปจะต้องทานแบบนวโกวาท หลังจากทำวัตรเช้า-เย็นทุกวัน

10. มีการมอบรางวัลแก่พระภิกษุที่ทานนวโกวาทก่อนออกพรรษาทุกปี

11. พระภิกษุรูปใดที่สวดปาฎิโกข์ได้ และรูปใดที่ทานนวโกวาทจบจะจัดให้เป็นผู้สวดกฐินทุกปี


ด้านงานเผยแผ่   มีการทำพิธีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันอัฏฐมีในทุกๆปีมิได้ขาด โดยมีประชาชนมาร่วมพิธีในแต่ละครั้งประมาณ 400 – 500 คน สวดปาฏิโมกข์ทุกวันพระกลางคืน และทุกวันพระสิ้นเดือน

ธุดงค์วัตรครั้งที่1 ในปีพ.ศ.2519 วันนั้นเป็นเวลาบ่าย หลวงพ่อผล กนฺตผโล ได้เข้ากรามนมัสการหลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ ออกเดินธุดงค์วัตร หลวงพ่อแก้วได้เป็นประธานรุกขมูลให้ ได้มอบกลดและเครื่องอัถบริขารให้ หลวงพ่อผล ออกเดินธุดงค์ในครั้งนั้นได้มีหลวงพ่อรวย วัดหนองหว้าร่วมเดินทางไปด้วย โดยเริ่มต้นเดินไปตามทางรถไฟ วันแรกได้เดินมาถึงสถานีรถไฟเพชรบุรี ก็เย็นมากแล้วพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก็ได้เดินพักกลดที่ข้างเขากิ่วเพชรบุรี และออกเดินต่อในวันที่ 2 เดินไปตามทางรถไฟเหมือนเดิม ได้ไปพักปักกลดที่ดอนเมือง วันที่ 3 ได้เดินถึงช่วงบางปะอินเป็นเวลาบ่ายมากแล้ว 2 ข้างทางรถไฟไม่รู้มีผู้คนจำนวนมากมาจากไหนมากกว่า 100 คน มานั่งพนมมือยกมือไหว้อยู่ 2 ข้างทาง เข้าใจว่าน่าจนเป็นรูปวิญญาณ ไม่น่าจะใช่ผู้คนทั่วๆไป เพราะการเดินตามทางรถไฟจะสามารถมองไปข้างหน้าได้ไกล ก็ไม่เห็นมีอะไร อยู่ๆก็มีผู้คนมานั่งพนมมือมาจากไหนไม่รู้ หลวงพ่อผล เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านถึงกับสดุ้งตกใจ และท่านกับหลวงพ่อรวย ก็ได้รีบเดินต่อไปถึงอยุธยา แล้วปักกลดที่อยุธยา และวันต่อมาท่านกับหลวงพ่อรวย ก็ได้เปลี่ยนการเดินจากทางรถไฟ ไปตามทางรถยนต์ จากอยุธยาได้เดินถึงโก่งธนู ได้มีโยมผู้ชายอายุมากประมาณ 90 ปี ได้มานิมนต์ให้ปักกลดที่นั้น ช่วงนั้นเป็นช่วงเย็นมาก เวลาประมาณ 5 โมงเย็น หลวงพ่อรวยได้เดินนำหน้า ชายชราคนนั้นได้ไปในบ้านเรียกผู้หญิงเป็นวัยรุ่นมา 4 – 5 คน นำเอาน้ำมาถวาย วันนั้นมีเหตุเกิดก่อนที่จะมาถึงในที่นี้ได้มีฝนตก จีวรหลวงพ่อผล และหลวงพ่อรวย เปียกหมด ก็เลยตัดสินใจปักกลด เพื่อจะได้ตากจีวร ที่สวนมะม่วง พอวางบาตรลง ก็ได้มีสุนัขตัวใหญ่ๆวิ่งออกมาเห่าเต็มไปหมด สุนัขได้วิ่งเข้ามาหลวงพ่อผล ได้นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อแก้วได้ให้ไว้ว่า ให้กลั่นใจ เอาหลักกลด กดลงไปในดิน แล้วว่าพระคาถาเดินหน้า แล้วว่าถอยหลัง ได้มีสุนัขตัวหน้าเข้ามาดม แล้วได้หอน เหมือนเรียกเพื่อนกลับ สุนัขทั้งหมดก็ได้ถอยกลับไป แล้วหลวงพ่อผล และหลวงพ่อรวยก็ตากจีวรได้ เมื่อปักกลดลงแล้ว ค่ำคืนนั้น ผู้เฒ่าชราคนนั้นก็ได้มาหา และสนทนาด้วย ได้มาทราบว่าที่มาปักกลดอยู่นี้ ที่ใกล้ๆ นี้ได้มีวัดชื่อว่าวัดโบสถ์โก่งธนู ซึ่งเจ้าอาวาสวัดอายุมาก และมีพรรษามากรูปหนึ่ง ท่าน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ทรงศีลบริสุทธิ์ผ่องแผ่ว และเชี่ยวชาญในไสยเวทย์ เก่งและมีชื่อเสียงมาก วันรุ่งขึ้นก็ได้ไป กราบนมัสการหลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสวัดโบสถ์โก่งธนู ซึ่งมีอายุประมาณ 70 กว่าปี คือหลวงพ่อพริ้ง ท่านได้ถ่ายถามว่ามาจากไหน หลวงพ่อก็ได้กล่าวถึงการเดินธุดงค์วัตรให้ทราบ หลวงพ่อพลิ้งท่านชอบอกชอบใจ และหลวงพ่อผล กนฺตผโล ได้สนทนาพูดคุยขอฝากตัวเป็นศิษย์ มีความศรัทธาเลื้อมใส ขอเรียนวิชาจากท่านสุดแต่เมตตา ท่านก็ได้สอนวิชาบางไพรละลายก้อนเมฆให้เป็นบทพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องใช้พลังสมาธิจิตสูงมาก และได้กราบลาเพื่อเดินธุดงค์ต่อไป วันต่อมาได้ผ่านบ้านแพรก หนองโดน มุ่งสู่อำเภอพระพุทธบาท เพื่อไปมนัสการพระพุทธบาท ระหว่างทางได้เจอควายกินหญ้าอยู่ข้างทาง มันเห็นสีเหลือง มันจะวิ่งมาขวิด หลวงพ่อผลได้ภาวนาคาถากันควาย แล้วกลั่นใจบุกสวนทางมันไป ควายตัวนั้นกลับไม่กล้าทำอะไร วิ่งหนีถอยห่างงออกไปและได้มีเด็กวิ่งมาเรียก ให้แวะฉันภัตตาหารที่โรงงาน ก็ไม่ได้แวะฉันได้บอกว่า พระธุดงค์ฉันเวลาเดียว ได้เดินธุดงค์ต่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ ได้มีร้านขายอาหารและตู้เพลง มีรถสิบล้อจอดอยู่จำนวนมาก โยมเจ้าของปั้มน้ำมันได้มานิมนต์ให้ไปปักกลดที่หลังปั้มน้ำมันเป็นป่าช้า มีหลุมฝังศพพอตกกลางคืน ในขณะที่นั่งสวดมนต์ไหว้พระและทำกัมฐานอยู่ ได้มีวิญญาณถึง 7 วิญญาณ เป็นชาย 4  และหญิง 3 มาขอส่วนบุญ หลวงพ่อผลได้แผ่ส่วนบุญและสวดมนต์บทปฏิทานโต และบทกะระนีใหญ่ให้แล้ววิญญาณนั้นก็หายไป  ต่อจากนั้นก็ได้เดินธุดงค์ผ่านกำแพงเพชร พรานกระต่าย ลำปาง ลำพูน และปักกลดเลื่อยมา จนมาถึงเมืองเชียงใหม่ตอนเย็นในที่นั้นพอดีมีการชกมวย ก็หาสถานที่ปักกลดไม่ได้ ได้หลงทางจะเดินออกนอกเมืองก็ออกมาไม่ได้ ในขณะนั้นก็ได้มีซาเล้งมาบอกนิมนต์ให้ขึ้นรถ ได้พาไปที่หลังสถานีรถไฟเชียงใหม่ คนขับรถได้บอกฝากโยมผู้หญิงว่า ฝากพระธุดงค์ 2 องค์ด้วย และตอนเช้าหาอาหารมาถวายด้วย เข้าใจว่าเป็นภรรยาคนขับรถ และ หลวงพ่อผลและหลวงพ่อรวยได้ทำพิธีปักกลดแล้วนั่งอยู่ในกลด ได้สวดมนต์ และ นั่งกรรมฐานได้มีคนหนุ่มมานั่งฟังสวดมนต์นั่งกรรมฐาน แล้วก็มาถามหลวงพ่อผล ว่า มีความเป็นมาอย่างไร ตัวเขาเห็นมีไฟแดงๆเลยมาดูได้คุยว่า เขาเคยเป็นทหารได้ไปรบที่เวียดนาม และรอดมาคนเดียว เพราะเขาสวดมนต์และนั่งกรรมฐาน ส่วนเพื่อนนอกนั้นตายหมดและได้บอกว่า ตอนเช้าจะเอาอาหารมาถวาย พอดีตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ฟ้าชายแต่งงาน มีการสวดมนต์ทำบุญกันมาก หลวงพ่อผล และ หลวงพ่อรวยจะออกบิณฑบาตรในเช้าวันนั้น ได้มีญาติโยมมาช่วยกันขวางไม่ให้บิณฑบาตรที่อื่น ญาติโยมจะเอาอาหารมาใส่บาตร ในทีแรกโยมต่างเอาเงินมาใส่บาตรกันมากมายจนเต็มบาตร หลวงพ่อผล และ หลวงรวยไม่ยอมรับ ต่างก็ได้สมาทานว่าจะไม่รับเงินและฉันมือเดียว ในคืนต่อมาฝนก็ตกมาก โยมต่างได้นิมนต์ให้ปักกลดอยู่ 3 คืน โยมเพนได้นิมนต์และรับไปฉันที่บ้าน ได้พาขึ้นดอยสุเทพไปมนัสการพระธาตุดอยสุเทพ หลังจากมนัสการพระธาตุดอยสุเทพแล้ว ก็เดินธุดงค์ มุ่งไปมนัสการหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ผ่านพิจิตรผ่านนครสวรรค์อีก แล้วเดินเข้าจังหวัดอุทัยธานี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี ผ่านท่ายางเลยไปหนองพลับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านอำเภอปราณบุรี สามร้อยยอดกุยบุรี ผ่านประจวบ ทับสะแก บางสะพานน้อย ได้ไปกราบมนัสการหลวงพ่อท้วม วัดเขาโบส ขอเรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆ หลวงพ่อท้วมได้สอนทำน้ำมนต์ ขับคุณไส และลงอักขระทำตะกรุตมหาอุด เสกเสือ เต่า และทำเบี้ยแก้ เสกลิงและนาค แล้วหลวงพ่อผลพร้อมกับหลวงพ่อรวยก็เดินธุดงค์กลับสู่วัด ในระหว่างเดินทางกลับได้มีโยมหลานผู้ใหญ่พุ่มม่วงอ่อนคนในหมู่บ้านดอนนาลุ่มได้ไปธุระได้พบเห็นหลวงพ่อผล และ หลวงพ่อรวยกำลังเดินธุดงค์กลับวัด ก็ได้ไปบอกให้ญาติโยมชาวบ้านทราบ ต่างต้องการให้ หลวงพ่อผล มาปักกลดที่บ้านดอนนาลุ่มก่อนเข้าวัด เพื่อจะได้ทำบุญและเป็นศิริมงคลแก่ญาติโยมและชาวบ้านดอนนาลุ่ม ได้มีโยมชาวบ้านดอนนาลุ่มจำนวนมากได้มาปิดล้อมปากประตูเข้าวัดลุ่มโพธิทองไม่ให้เข้าวัด

     หลวงพ่อผล กนฺตผโล และหลวงพ่อรวยได้เดินทางกลับวัด ได้ถึงวัดหนองหว้าก่อน หลวงพ่อรวย ก็ได้แยกทางเดินเข้าเส้นทางเข้าวัดไป หลวงพ่อผล เดินทางผ่านทางเข้าวัดหนองหว้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จึงจะถึงวัดลุ่มโพธิทองต้องใช้เวลาอีกกว่า 30 นาที หลวงพ่อผล แรกทีเห็นว่าจะไม่ปักกลดอีก และ เห็นว่าจะวิเศษวิโสอะไร มีแต่คนเคยรู้จักกันทั้งนั้น พอเดินมาจะถึงเลี้ยวเข้าประตูวัด ก็ได้พบชาวบ้านดอนนาลุ่มจำนวนมาก ลายล้อมปิดทางเข้าวัดต้องการให้ปักกลดที่หมู่บ้าน ผลสุดท้ายหลวงพ่อผล กนฺตผโล ก็ต้องไปปักกลดที่หัวดอนหมู่บ้านดอนนาลุ่มในคืนนั้นชาวบ้านได้มากราบมนัสการ สนทนาพูดคุยกับท่านมากมายถึงเวลาตี 1 จึงได้ลากลับไปหมด หลวงพ่อผล ได้สวดมนต์ไหว้พระและนั่งกัมมัฏฐานในกลด ได้มีเสียงผู้คนมาอีกมาจำนวนมากมาย รอบนี้เป็นวิญญาณสัมภเวสีและญาติโยมที่ได้ตายไปแล้ว มานั่งขอส่วนบุญนั่งอยู่รอบกลด ไม่มีเสียงพูดคุย มีแต่เสียงคนเดินนั่งเท่านั้น หลวงพ่อผลได้แพร่เมตตา และสวดมนต์ไปให้วิญญาณต่างๆก็ได้หายไปหมด เช้าหลังรับอรุณ วันรุ่งขึ้นวันใหม่ ชาวบ้านดอนนาลุ่มทุกหลังคาเรือนได้พร้อมใจกันนำข้าวปลาอาหารมาทำบุญใส่บาตรกันเต็มไปหมด หลวงพ่อผลก่อนจะฉันท่านจะนำอาหารที่โยมนำมาทำบุญใส่รวมกันในบาตรโคลนรวมกันจนทั่วแล้วจึงฉัน เมื่อฉันเหลือแล้วก็จะตักให้ญาติโยมท่านละ 1 กัมมือทุกครั้ง หลวงพ่อผล กนฺตผโล ได้ฉันเช้าเรียบร้อยและสวดให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญเรียบร้อย และได้กลับเข้าวัดลุ่มโพธิทอง เข้ากราบมนัสการหลวงพ่อแก้วจิตรติ เจ้าอาวาส รวมเวลาออกธุดงค์ไปกลับเป็นเวลา 49 วัน ต่อมาปีพ.ศ.2520 ได้ธุดงค์สู่ภาคใต้

 

ธุดงค์วัตร ครั้งที่2  โดยมุ่งสู่ภาคใต้ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2520 เดินธุดงค์ครั้งนี้มีพระภิกษุร่วมเดินไปด้วยรวม 3 รูปด้วยกัน มีพระสนอง วัดสมุทรคาม พระปัญญา วัดนาพรม เดินตามเส้นทางปึกเตียน-ชะอำ ผ่านวัดโตนดหลวง เข้าชะอำ ผ่านอำเภอปราณบุรีเดินทางถนนเส้นเลียบชายทะเล ผ่านเขาแดง อำเภอกุยบุรี ได้ปักกลดที่บ้านบ่อนอก 1 คืน รุ่งขึ้นได้เดินธุดงค์ไปตามทางรถไฟจากสถานีรถไฟบ่อนอก ผ่านสถานีทุ่งมะเม่า คั่นกระได และเข้าจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ได้ปักกลดพักค้างที่ห้วยยางเป็นตลาดเล็ก ๆ ตอนเช้าได้มีชาวบ้านนำเอาข้าวปลาอาหารมาทำบุญ ใส่บาตรกันจำนวนมาก แล้วก็เดินผ่านสถานีทุ่งประดู่เข้าทับสะแกได้ไปพักปักกลดที่บ้านกรุด ในค่ำคืนนั้นขณะที่ หลวงพ่อผล พระสนอง พระปัญญา นั่งสวดมนต์และทำกรรมฐานอยู่ได้มีมีลมพัดมาทางชายเขาแรงมากจนกลด โย้เย้ ก็ได้มีลำแสงลอยมาเป็นลูกไฟสว่างมากมากตกลงข้างกลดหลวงพ่อผล เป็นวิญญาณเข้าใจว่าเป็นจ้าวป่า มานั่งข้างกลด แล้วพนมมือขอส่วนบุญ หลวงพ่อผลได้สวดมนต์แผ่ส่วนบุญให้อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็หายไป วันรุ่งขึ้นได้มีชาวบ้านนำอาหารมาถวาย ชาวบ้านได้นมนต์ให้อยู่ค้างอีก 1 คืนให้ช่วยสวดสมัย แล้วหลวงพ่อก็ได้อยู่อีก 1 คืนได้ออกบิณฑบาตร กลับมาฉันอาหารเช้าร่วมกัน 3 รูปยังมีคนแก่ชรานำอาหารมาทำบุญอีก 7-8 คน และได้ผ่าน บางสะพานใหญ่ บางสะพานน้อย เขาไชยราช ปะทิวได้พักที่ชุมพร แล้วกลับมาเดินตามทางรถยนต์ เข้าสวี หลังสวน ท่าชนะ ไชยา ท่าฉาง พุนพิน แล้วก็เดินไปตามทางรถไฟอีก ถึง นาสาร ได้ปักกลดที่ฉวางเข้า นครศรีธรรมราช เข้านมัสการพระมหาธาตุเจดีย์ แล้วธุดงค์เดินตามทางรถยนต์ผ่านอำเภอเชียรใหญ่ หัวไทร ระโนด สทิงพระ สงขลา หาดใหญ่ เข้าปัตตานี ไปนมัสการหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เดินต่อไปขากลับทางกันตัง ตรัง ห้วยยอด กระบี่ พังงา แล้วก็กลับทางรถไฟที่ทุ่งสง รวมใช้เวลาไปกลับ 1 เดือนเศษ
 
ธุดงค์วัตรครั้งที่ 3  มุ่งสู่ภาคอีสานในปีพ.ศ.2525 โดยธุดงค์ในครั้งนี้ได้มีภิกษุร่วมเดินทางไปด้วยอีก 2 รูปรวม หลวงพ่อผลด้วยเป็น 3 รูปเดินผ่านอำเภอบ้านแหลม อำเภอปากท่อ วัดเพล บางแพ โพธิ์หัก ผ่าน จ.นครปฐม ดอนตูม ปทุมธานี นครนายก กบินบุรี ปักธงชัย แล้วผ่านครราชสีมา พิมาย ไปมหาสารคาม ร้อยเอ็ดเข้าจ.นครพนม เข้ากราบนมัสการพระธาตุพนมไปถึงจังหวัดหนองคาย ขากลับเข้าอุดรธานี ผ่านกุมภวาปี ผ่านขอนแก่นแล้วก็กลับ ทางรถไฟลงหัวลำโพง ต่อด้วยเดินทางเท้าสู้วัดลุ่มโพธิ์ทอง ใช้เวลาไปกลับประมาณ 25 วัน

 

ธุดงค์วัตรครั้งที่ 4  ในปีพ.ศ.2549 โดยเริ่มจากวัดลุ่มโพธิ์ทอง ได้เข้าเมืองเพชรบุรี ได้นัดพบพระภิกษุที่ร่วมเดิน ธุดงค์ไปด้วยอีก 1 รูปเป็นภิกษุใจ วัดคงคาราม ได้เดินทางเท้าไปตามถนนรถยนต์ ถึง จังหวัดกาญจนบุรี ผ่าน สะพานข้ามแม่น้ำแคว-บ้านเก่า เข้าปราสาทเมืองสิงห์เมืองโบราณยุคขอม ได้ปักกลดค้างคืน 1 คืนในค่ำคืนยาม ดึกเงียบสงัดบางครั้งจะมีเสียงสัตว์ร้องโจ้ๆ ในขณะที่หลวงพ่อผลกำลังสวดมนต์ไหว้พระอยู่ ได้เห็นเงาค้างคาว ตัวใหญ่บินผ่านไปมาอีกสักพักก็ได้มีวิญญาณมนุษย์โบราณรูปร่างสูงใหญ่กว่า 4 เมตรถึง 2 คนไม่ได้ใส่เสื้อมายืน อยู่ข้างกลด ดูเหมือนเป็นวิญญาณผู้เฝ้ารักษาปราสาทแห่งนี้และยังมีวิญญาณผู้คนอีกจำนวนมากมานั่งคุกเข่าอยู่ ข้างหลัง ล้วนแต่มีลักษณะน่าเกรงขามแบบคนโบราณ หลวงพ่อผล พิจารณาแล้วรู้ว่าวิญญาณเหล่านี้เหมือนต้อง สาปได้อยู่ในประสาทเมืองโบราณนี้มานานมาก ต้องการส่วนบุญท่านจึงได้สวดมนต์ปฎิทานโต สวดมนต์กะระนี ใหญ่ และแผ่เมตตาให้ แล้ววิญญาณทั้งหมดก็ได้หายไป ต่อมาวันรุ่งขึ้นหลวงพ่อผลและภิกษุใจ ได้ออกบิณฑบาตร กลับมาได้มีผู้คนโยม ไม่รู้มาจากไหนเอาอาหารต่าง ๆ มาทำบุญกันมากฉันไม่หวาดไหว หลังฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว ได้สวดให้ศีลให้พรแล้ว หลวงพ่อผลและพระใจ ก็ได้เดินธุดงค์ไปไทรโยคน้อย ไปชมถ้ำกระแช และได้ไปปักกลดที่ เขาถ้ำมะเดื่อ ห่างจากเขาประมาณ 300 เมตร ได้เดินสำรวจดู ก็มารู้ว่าถ้ำมะเดื่อเป็นวัดเก่าที่เคยเป็นวัดร้าง ชาวบ้าน ได้คุยให้หลวงพ่อผลฟังว่า บริเวณวัดเขาถ้ำมะเดื่อมีถ้ำอยู่มากมายหลายถ้ำ ภายในถ้ำมีเหวลึกลงไป ประมาณ 20 เมตรมีน้ำอยู่ภายในก้นถ้ำนี้มาตลอดไม่เคยแห้ง ก็ไม่รู้ว่าน้ำมากจากที่ไหนได้เคยมีคนเอาแกลบมา เทลงไป แกลบได้ลอยไปออกที่แม่น้ำแควน้อย ซึ่งห่างกับเขาถ้ำมะเดื่อประมาณ 1 กม. และอีกอย่างถ้ำมะเดื่อนี้น่า จะเป็นเมืองลับแลเหมือนในเรื่องที่เราเล่าขานถึงเมืองลับแลมาแต่โบราณ ในวันพระขึ้น 15 ค่ำวันดีคืนดีจะปรากฎ มีเสียงปี่สีพาดดังกระหึ่มออกมาจากภายในถ้ำ และมีแสงสว่างเจิดจ้าภายในถ้ำ มีลำแสงๆ สีพวยพุ่งออกจากปาก ถ้ำ ชาวบ้านเห็นกันชินตาและรับรู้กันเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ในถ้ำมะเดื่อเคยคิดจะเป็นที่ท่องเที่ยว ได้มีช่าง ไฟรับจ้างเข้าไปต่อไฟให้ อ.บ.ต.ต่อภายในถ้ำ ขณะที่ติดไฟบนพนังถ้ำได้หันหลังกลับไปเห็นงูใหญ่มีหงอนตัวใหญ่ ขนาดเท่าต้นตาลใหญ่ เลี้อยหยุดดูช่างอยู่แต่ไม่ทำอะไร ช่างไฟตกใจทิ้งบันไดแล้ววิ่งหนีออกจากปากถ้ำ และไม่กล้าไปต่อไฟในถ้ำอีก และโครงการนี้ก็ถูกยกเลิกไม่มีใครกล้าทำเป็นที่ท่องเที่ยวอีก ภายในถ้ำมีงูลอกคราบ ทั้งใหญ่เล็ก เต็มไปหมด ชาวบ้านทุกบ้านในบริเวณรอบเขาถ้ำมะเดื่อพูดเหมือนกันว่าถ้ำมะเดื่อเป็นวังพญานาค เป็นที่เพาะพันธุ์ที่เกิดของพญานาค และเมืองลับแล ชาวบ้านบอกหลวงพ่อผลว่า ปัจจุบันได้มีหลวงพ่อตั้ง ปภัสโล มาจากทางใต้ได้เป็นผู้มาบูรณะวัดถ้ำมะเดื่อ หลวงพ่อตั้ง ปภัสโล เป็นพระอริยสงฆ์นักปฎิบัติได้บำเพ็ญปฎิบัติ วิปัสสนากรรมฐานอยู่บนยอดเขาถ้ำมะเดื่อ บางครั้งก็อยู่ในถ้ำ หลวงพ่อผล ได้ทราบก็ได้เข้ากราบนมัสการหลวงพ่อ ตั้ง ปภัสโล หลวงพ่อตั้ง เป็นพระอริยสงฆ์ที่ทรงศีลบริสุทธิ์และเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ได้ญาณสมาบัติชั้นสูง เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้านอำเภอไทรโยคมาก และในค่ำคืนนั้นหลวงพ่อผล กนฺตมโล ก็ได้สวดมนต์ไหว้พระ กราบไหว้อุปัชฌาย์ครูบาอาจาย์ ค่ำคืนนั้นตกดึกอากาศเริ่มเยือกเย็น หลวงพ่อผลได้นั่งสมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน นั่งนิ่งได้ปรากฎมีเสียงผู้คนเดิน อยู่ไกลจากกลดไปหลายสิบเมตร เป็นเสียงคนเดินจำนวนมาก เดินไปด้านตะวันออกของเขาถ้ำมะเดื่อ ซึ่งยังมีเทือกเขาสูงเด่นลูกหนึ่งเหมือนศรีษะคน น่าแปลกใจที่ยามค่ำคืนดึก มากมีผู้คนมาจากถ้ำมะเดื่อมาได้อย่างไร และจะไปทำอะไร พอเสียงผู้คนหายไป หลวงพ่อผลก้ได้สวดมนต์แผ่ เมตตามองออกไปนอกกลดได้เห็นงูใหญ่มีหงอนเลี้อยมาติดข้างกลด มีจริงเหมือนที่ชาวบ้านได้คุยเล่าให้ฟัง หลวงพ่อผล ได้สวดพระคาถาบารมี ๓๐ ทิศและหัวใจพุทธคุณสวดปฎิทานโต แล้วแผ่เมตตา แล้วงูมีหงอนก็ค่อย เลื้อยหายไป รุ่งเช้ารับอรุณวันใหม่ หลวงพ่อผล และพระภิกษุใจ เตรียมจะออกบิณฑบาตรยังไม่ทันจะไป ก็ได้มี โยมผู้ชายและสีกา 2 คนนุ่งขาวห่มขาวเดินออกมาจากชายป่า พร้อมข้าวปลาอาหารมาทำบุญ และมาอีกหลายคน ดูแล้วรวม 10 กว่าคน และมีคนชรามากมีลูกหลานติดตามมา ผู้คนส่วนใหญ่หน้าตาสดใส ดูไม่น่าจะเป็นชาวบ้าน วันนั้นมีอาหารมากผลไม้ก็มาก พื้นที่ไม่น่าจะมีผลไม้มากแต่มีมากผิดปกติ อีกทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่บริเวณหน้า วัดเขาถ้ำมะเดื่อ ซึ่งก็มีบ้านอยู่ไม่มาก แต่ทำไมถึงมีผู้คนมามากขนาดนี้ ผู้คนที่มาทำบุญมีความเรียบร้อย พูดจา สุภาพน่าฟัง เมื่อหลวงพ่อผล และพระใจ ได้ฉันเช้าเสร็จสวดให้ศีลให้พรแล้ว ผู้คนต่างก็กลับเห็นเดินไปไม่ไกลก็ หายไป น่าจะเป็นเทพหรือนางไม้ หรือคนเมืองลับแล ถ้ำมะเดื่อ อำเภอไทรโยคแห่งนี้เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง เป็นของจริงไม่ใช่ตำนาน หรือขอเล่าว่า เป็นสถานที่มีทั้งโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ เทพ ทั้งอีกมิติหนึ่งรวมอยู่ ฉะนั้นเป็นที่ทำบุญ ทำสิ่งที่ดี และต้องให้ความเคารพกราบไหว้ และอนุรักษ์ไว้อย่างถาวรที่สุด หลวงพ่อผล และพระภิกษุใจ ได้เดินต่อไปถ้ำเบญจนคร ถ้ำละว้า หินดาษ เข้าสู่อำเภอทองผาภูมิ เมืองแห่งขุนเขา เกริงกาเวีย ได้หยุกปักกลดที่ เกริงไกร อีกประมาณ 30 กม. ก็จะถึง ถ้ำลิเจีย ในครั้งนี้ได้ปักกลดอยู่ห่างจากถนนประมาณ 40 เมตร ค่ำคืนนั้นเป็นเดือนหงาย อากาศใกล้ภูเขาจะเย็นมากหลวงพ่อผลได้นั่งกรรมฐาน ขณะที่ออกจากสมาธิ ได้เลือบมองออกไปนอกกลดได้เห็นเงาดำเหมือนงูใหญ่ ตัวใหญ่ดำมืด ขนาดเท่าท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ได้เลื้อยข้ามถนนในส่วนหัวได้ ผ่านไปก่อน แล้วได้เห็นลำตัว หลวงพ่อผล ได้สวดมนต์แผ่นเมตตาไปให้ ป่าเขาเมืองกาญจนบุรีเป็นที่อยู่ของสิ่ง มหัศจรรย์ลี้ลับจำนวนมากมาย รุ่งอรุณ หลวงพ่อผลและพระใจได้ออกบิณฑบาตรไปไกลประมาณ 1.5 กม. มีหมู่บ้านเป็นชาวกะเหรี่ยง เป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 4-5 หลังคาเรือน นำข้าวมาใส่บาตรและแกงหน่อไม้ ปลาต้ม ผักหวาน บ้างก็ถวายกล้วย หลวงพ่อผล และพระภิกษุใจ ได้ฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว ได้เดินธุดงค์ต่อไป ผ่านถ้ำลิเจีย แล้วไปอำเภอสังขะ ตรงไปตองกาเรีย ข้ามสะพานมอญ  วัดวังวิการาม แล้วได้เดินเลี้ยวเลาะแยกไปด่านเจดีย์สาม องค์ เข้าพม่า แล้วหลวงพ่อผล และพระใจ ก็เดินทางกลับใช้เวลาเดินทางไปกลับประมาณ 24 วัน

ได้เดินทางไปต่างประเทศ
1.ปีพ.ศ.2552 ไปประเทศศรีลังกา นัสมการพระธาตุเขี้ยวแก้ว
2.ปีพ.ศ.2555 ไปประเทศอินเดีย ไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และดับขันธ์ปรินิพพาน
3.ปีพ.ศ.2556 ไปประเทศอินเดียอีกครั้ง ได้ไปร่วมในงานแห่พระไตรปิฏก 60 ประเทศ
4.ปีพ.ศ.2557 เดินทางไปพม่า ย่างกุ้ง โดยทัวร์สงฆ์ มนัสการเจดีย์ชเวดากอง นมัสการพระธาตุอินแขวน
5.ปีพ.ศ.2558 ไปสิบสองปันนา เยือนวัดไทยใหญ่ มีประชาชนส่วนใหญ่นับถือพุทธศานา มีวัดเหมือนประเทศไทย


ด้านพัฒนาการ

1.ขุดสระน้ำ ให้ชาวบ้านได้ใช้สอยอุปโภคบริโภค
2.ซื้อที่ดินและสนับสนุนสร้างสถานีอนามัยเป็นเงิน 3,000,000 บาท
3.ปีพ.ศ.2558 ได้ซื้อที่ดินและชาวบ้านได้ถวาย หลวงพ่อผล กนฺตผโล ทำการชักชวนชาวบ้านช่วยกันทำถนน เข้าวัดลุ่มโพธิ์ทองอีกทาง

     สร้างมหาพระธาตุเจดีย์ หลวงพ่อผล กนฺตผโล ได้ริเริ่มสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2550 ได้จำลองรูปแบบวัดมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ต้องใช้ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างมาก ได้สร้างสำเร็จลุล่วงแล้ว 80% ยังขาดปัจจัยในการก่อสร้างอีก 20% เป็นจำนวนเงินอีกเป็นล้านบาท

วัตถุมงคล  เหรียญรุ่น ๑ (รุ่นแรก) สร้างในปี พ.ศ. 2559 สร้างหารายได้สมบทในการสร้างพระมหาเจดีย์พระธาตุ วัดลุ่มโพธิทอง เป็นรูปไข่ครึ่งองค์ ขนาดความกว้าง 2.6 ซม. และสูง 3.4 ซม.ไม่รวมห่วง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อผล กนฺตผโล ส่วนด้านหลังยันต์จม ยันต์แบบหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง สวยสง่า งดงาม ด้วยช่างแกะแบบด้วยมือ ลงตัว รูปแบบเหมาะที่จะสะสมและบูชา ดูมีพลังเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์

วาจาศักดิ์สิทธิ์  หลวงพ่อผล กนฺตผโล มีวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์ ท่านกล่าวคำพูดใด มักจะเป็นจริงตามคำพูดวาจานั้นเสมอ เป็นพระเกจิอาจารย์มีศีลบริสุทธิ์ผ่องแผ้วทางโลกและทางธรรม แม้อายุยังไม่มากนัก แต่พรรษานั้นมาก ได้อุปสมบท ครั้งเดียวตั้งแต่ได้ครบอายุ 20 ปีบริบูรณ์ จนถึงปัจจุบันไม่มีประวัติด่างพล้อย ปฎิปทาน่าเลื่อมใส เป็นที่ ศรัทธาของชาวบ้านดอนน่าลุ่ม เพชรบุรี และจังหวัดใกล้เคียงหลายจังหวัด ได้ถูกนิมนต์ไปอธิฐานจิตปลุกเสก วัตถุมงคล ในพิธีพุทธาภิเษกมาแล้วหลายสิบพิธี ตั้งแต่พ.ศ.2544 มาต่อเนื่องถึงปัจจุบัน หลวงพ่อผลได้ญาณ สามารถหยั่งรู้ถึงจิตใจคนอื่น ซึ่งอยู่ไกล มีผู้อยู่ไกลได้ถูกทักได้มาเล่าเหตุที่เกิดขึ้น ให้ผู้เขียนฟัง  พุทธศาสนิกชนที่มีศรัทธามุ่งหวังความเจริญก้าวหน้า ไปกราบขอพรจากหลวงพ่อผล กนฺตผโล วัดลุ่มโพธิทอง จะสม ความศรัทธาตั้งใจ และอย่าลืมร่วมทำบุญร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์กับท่าน  การบริจาคทรัพย์ร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ในพุทธศานาถือว่าได้บุญสูงสุด หลวงพ่อผล กนฺตผโล เป็นพระดี เป็น เนื้อนาบุญที่เหมาะแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เป็นที่พึ่งได้ เช่น เจิมรถ เป็นประจำแทบทุกวัน ทั้งทางใกล้ และมาจากทางไกล ดูฤกษ์ปลูกบ้าน ยกเสาร์เอก ฤกษ์ แต่งงานออกรถ เปิดป้าย เจิมบ้านใหม่ในย่านใกล้วัด หรือปึกเตียน มีหมู่บ้านมาก ได้ถูกนิมนต์ไปเจิมบ้านแทบทุก หลังก็ว่าได้ เป่ามนต์ขับคุณไสย ไร่ผี ขับวิญญาณ ปัดไส้เลื้อน ศูนย์ฝี ศูนย์ปานแดง ศูนย์เนื้องอก หรือโดนคูณไสย ลมพัดลมเพ หลวงพ่อผล จะปัดสิ่งรังควานเหล่านี้ให้โดยต้องทำในวันเดือนขาด ตามตำราโบราณที่ได้ตกทอดมาจาก หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ อดีตเจ้าอาวาส วัดลุ่มโพธิทอง โดยต้องมีเครื่องเซ่นประกอบการยกครู มีใช้ข้าวสาร ไข่ หมากพลู และเงินค่ายกครู 5 สลึง และดอกไม้ธูปเทียน มีชาวบ้านที่ได้เคยมารักษาหาย เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อผล ปัดรังควานได้ ผลมาก ได้มีเด็กชายคนหนึ่งได้เกิดเนื้อเงอกก้อนใหญ่เหมือนมีเนื้อปะติดอยู่ที่หน้า ได้มาให้รักษาเหยียบจิกด้วย นิ้วโป้งเท้า และเป่าด้วยมนต์คาถา เด็กชายคนนี้พ่อแม่ได้พามา บ้านอยู่ปราณบุรีมาให้หลวงพ่อปัดเป่าถึง 3 ครั้ง แล้วได้หายเงียบไป หลายเดือนต่อมาอยู่ ๆ ก็ได้มีรถบัคคันใหญ่ได้ยกผ้าป่ามาทอด เป็นพ่อแม่ของเด็กคนนั้น และได้ บอกหลวงพ่อผล ว่าหลวงพ่อได้รักษาลูกชายหายแล้วได้พามาทอดผ้าป่าครั้งนี้ด้วย หลวงพ่อผล มีพลังอำนาจจิตที่สูง มาก เช่นในวันที่ทำการอธิฐานจิตปลุกเสกเหรียญรุ่นแรกในอุโบสถ์ ลมแรงมากหน้าต่างโบสถ์ได้เปิดแทบทุกบาน เพราะอากาศร้อน แต่ต้องอาศัยลมจากหน้าต่าง ปกติเทียนที่จุดจะถูกลมพัดดับทุกต้น พอหลวงพ่อขึ้นอธิฐานจิต นั่งปรกปลุกเสกอยู่ในสมาธิ ปรากฎว่าไม่มีเทียนตนใดดับเลย  คงความสว่างไสวเจิดจ้าตลอด เป็นเวลาถึงเกือบ 3 ชม.เทียนต้นใดตรงกระแสลมแรงมากหน่อยก็ถูกไฟลุกหมดลง คงเหลือต้นในขันบาตรน้ำมนต์ ที่หลวงพ่อจะเสกน้ำมนต์ ที่หลวงพ่อจะเสกน้ำมนต์และทำการดับเอง หลวงพ่อ เป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้หลายด้าน สุดที่จะกล่าวมาได้หมด เป็นที่รักเคารพนับถือและศรัทธาเลื่อมใสมาก

เส้นทางเดินทางสู่วัดลุ่มโพธิทอง   วัดลุ่มโพธิทอง ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เส้นทางที่1 จากตลาดอำเภอ ท่ายาง ถ้ามาจากเพชรบุรีถึงไฟเขียวแดงตลาดท่ายางแล้วให้เลี้ยวซ้ายทางขนานกับคลองชลประทานไปปึกเตียน วิ่งไป 16.8 กม. ถึงแล้ว เลี้ยวเข้าทางด้านซ้ายมือก่อนเลี้ยวซ้ายมองดูแถบขวามือจะมีป้อบตำรวจ แน่นอนแล้วเลี้ยว เข้าทางถนนด้านซ้ายเข้าไปถึงวัด 1.7 กม.(1,700 เมตร) เส้นทางที่ 2 จากตลาดเพชรบุรี เส้นทางไปปึกเตียนให้เริ่ม ต้นที่ทางรถไฟ วิ่งทางลาดยางไปถึงทางแยกเลี้ยวขวาเข้าวัดลุ่มโพธิทอง ระยะทาง 12.6 กม. ก่อนเลี้ยวขวา จะเห็น ศาล 2 ศาลเลี้ยวขวาไปตามทางเข้าไประยะทาง 2.3 กม. เจอสะพานอยู่ด้านซ้ายและมีป้ายหินขนาดใหญ่บอก วัดลุ่มโพธิทอง แล้วข้ามสะพานปูน เข้าไปอีก 1 กม.จะถึงวัดลุ่มโพธิ์ทอง